นาย Eric Rosengren, Federal Reserve Bank of Boston President (Voter) ให้ความเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลา (“several meetings”) ในการประเมินความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2019
ท่ามกลางการชะลอตัวของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศจีน สถานการณ์ Brexit และในทวีปยุโรป โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ well–anchored ที่ร้อยละ 2 เอื้อให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ สามารถดำเนินนโยบายในลักษณะ patient ได้
นอกจากนี้ นาย Rosengren คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถขยายตัวกว่าร้อยละ 2 ได้ในปี 2019 ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อใกล้เคียงร้อยละ 2 ณ สิ้นปี 2019 ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับเพิ่ม (ลด) อัตราดอกเบี้ยนโยบายหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราเร่ง (ชะลอ) กว่าคาดการณ์
ทางด้านนาย Neel Kashkari, Federal Reserve Bank of Minneapolis President (Non–voter) ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่อยู่ในภาวะ maximum employment เนื่องจากยังคงมี slack ในตลาดแรงงานซึ่งเป็นปัจจัยกดดันการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราค่าจ้าง โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรดำเนินนโยบายในทิศทางที่เอื้อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ นาย Robert Kaplan, Federal Reserve Bank of Dallas President (Non–voter) แสดงความกังวลต่อสถานการณ์หนี้ภาคเอกชนและภาครัฐ โดยหนี้ภาคเอกชนในระดับสูงส่งผลเสียต่อ financial conditions และอาจเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่การชะงักงันของการสร้าง Collateralized Loan Obligation (CLO) จำกัดความสามารถในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ หนี้ภาครัฐที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้โครงการก่อสร้างเชิงโครงสร้างมีจำนวนน้อยลง รวมถึงจำกัดความสามารถในการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการคลัง ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
Source: BoTSS
- https://www.wsj.com/…/feds-eric-rosengren-says-pause-in-rat…