ธปท.มั่นใจ'ส่งออก'วูบชั่วคราว : "พาณิชย์"เผยส่งออก ก.ย.วูบ 5.2% ติดลบครั้งแรกรอบ 19 เดือน ผลจากสงครามการค้า ฐานสูง กำลังซื้อ

กลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ชะลอ มั่นใจทั้งปี โต 8% ด้าน"สมคิด"แจงส่งออกติดลบจาก ฐานสูง ลั่นพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง ขณะธปท.ประเมินหดตัวชั่วคราว แต่ยอมรับทั้งปีส่อต่ำกว่า 9% นักลงทุนผิดหวัง เทขายเงินบาทอ่อน 0.5%

กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออกไทยเดือนก.ย.2561 มีมูลค่ารวม ที่ 20,699 ล้านดอลลาร์ แม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย ต่อเดือนในอดีต แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 5.2% ถือเป็นการหดตัวครั้งแรกรอบ 19 เดือน ส่งผลให้มูลค่าการส่งออก เฉลี่ย 9 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัวที่ระดับ 8.1%

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กล่าวว่า การส่งออกเดือนก.ย.ที่หดตัว ลง 5.2% เป็นผลจาก 3 ปัจจัย คือ 
1.การส่งออก กลุ่มทองคำและรถยนต์ติดลบ 5.3% 

2.สงครามการค้าสหรัฐและจีนส่งผลกระทบต่อการ ส่งออกไทยลดลง 402 ล้านดอลลาร์

3.ประเทศคู่ค้าหันไปหาตลาดใหม่ กระทบต่อส่งออกติดลบอีก 1% หรือคิดเป็นมูลค่า 190 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าหักกลุ่มทองคำและน้ำมันการส่งออกไทยติดเหลือแค่ 1.9% และหากหักผลกระทบทั้ง 3 ปัจจจัยส่งออกไทยจะติดลบ 0.8%

การนำเข้าเดือน ก.ย.มีมูลค่า 20,212 ล้าน ดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 9.9% ได้ดุลการค้า 487 ล้านดอลลาร์ และเมื่อรวม 9 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกมีมูลค่า 189,729 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.13% การนำเข้ามีมูลค่า 186,891 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15.2% ได้ดุลการค้า 2,838 ล้านดอลลาร์

สำหรับผลกระทบจากสงครามการค้า สหรัฐและจีนที่กระทบต่อไทย แยกเป็น ผลกระทบทางตรงจากการที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้านำเข้าในกลุ่มโซลาร์เซลล์ที่ติดลบ 77% เครื่องซักผ้า เหล็กบางชนิดและอลูมิเนียม รวมติดลบ 60% คิดเป็นมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์

ส่วนกระทบทางอ้อมเชิงลบจากการไทยเป็นแหล่งป้อนวัตถุดิบติดลบ16.3% คิดเป็น มูลค่า 392 ล้านดอลลาร์ และผลกระทบทางอ้อมเชิงบวกที่ไทยส่งออกทดแทนจีนในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.7% คิดเป็นมูลค่า 65 ล้านดอลลาร์ โดยรวมเดือน ก.ย.สงครามการค้าทำให้มูลค่าการส่งออกหายไป 402 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.8% ของมูลค่าส่งออกรวม

มั่นใจปีนี้ส่งออกโตตามเป้า 8%

นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า การส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2561 มีแนวโน้มเผชิญความท้าทายจากความผันผวนและปัจจัยเสี่ยง ภายนอกประเทศเช่นการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยังไม่มีความชัดเจนและอาจส่งผลกระทบ ในวงกว้างต่อความเชื่อมั่นทางการค้าและการลงทุน อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าการส่งออกในปี 2561 จะขยายตัวได้ที่ 8% ตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์

ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกเดือน ต.ค.2561 จะดีขึ้นจากเดือน ก.ย. เมื่อวัดจากค่าดัชนีมูลค่า การส่งออกที่ 53.7 และดัชนีมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่ที่อยู่ระดับ 53.6 ซึ่งสูงกว่าระดับ 50

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะเร่งรัดทูตพาณิชย์ให้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ส่งออก โดยปรับวิธีการใหม่ เช่น จับมือผู้นำเข้าจัดส่งเสริมกิจกรรมการตลาดในประเทศนั้นๆเจรจาร่วมทุนและหาฐานการผลิตใหม่ๆ

"การที่ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย.หดตัวไม่เกินความคาดหมายของกรมฯและไม่ได้ประหลาดใจมากนักซึ่งที่ผ่านมาไทยก็เตรียมความพร้อมและปรับตัวให้สามารถคงรักษาตลาดส่งออกให้มากที่สุดแนวโน้มนั้นเอกชนยังเชื่อว่าส่งออกไทยยังโตได้ดี"

สรท.มั่นใจไตรมาส 4 ตามเป้า

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภา ผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกเดือน ก.ย.ติดลบมี 4 ปัจจัย คือ 1.การส่งออกทองคำ ลดลง 2.สงครามการค้า 3.อัตราแลกเปลี่ยน 4.ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการปรับตัวลดลง

โดยก่อนหน้านี้ สรท.ประเมินว่า คำสั่งซื้อไตรมาส 4 ปีนี้มาครบแล้วและมี แนวโน้มดี เพราะช่วงที่ผ่านมามีการนำเข้า สินค้าทุนจำนวนมาก และถ้าส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 22,000 ล้านดอลลาร์ จะทำให้การ ส่งออกทั้งปีขยายตัว 9% ซึ่งจะมีการประเมินการ ส่งออกปีนี้ใหม่หลังเดือน ก.ย.ติดลบ แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย

"สมคิด"พอใจยอดเกิน2หมื่นล้าน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยอดส่งออกเดือนก.ย.2561 ที่ลดลงมาจากเศรษฐโลกอยู่ในช่วงขาลง และการส่งออกไปตลาดจีนหดตัวมากตามคาด ขณะที่การส่งออกทองคำติดลบสูง ทั้งที่ มูลค่าที่แท้จริงของมูลค่าส่งออกในเดือนก.ย. สูงถึง 20,699 ล้านดอลลาร์แต่เมื่อไป เทียบกับฐานของเดือนเดียวกันของปีก่อน ที่สูงมากจึงติดลบ

อย่างไรก็ตาม หากเดือนที่เหลือของปีนี้ส่งออกได้สูงกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ถือว่าใช้ได้แล้ว เพราะจากนี้ไปเศรษฐกิจโลกจะหดตัว ตลาดจีนจะหดตัวทั้งเศรษฐกิจและท่องเที่ยว ขณะที่ราคาน้ำมันและดอกเบี้ยขาขึ้นจึงมีปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจหลายอย่าง

"ยังโชคดีที่ฐานเศรษฐกิจของไทยแข็งพอ แต่ต้องระวัง และเมื่อระฆังเลือกตั้งดัง หลายอย่าง จะชะงักจนกว่าจะชัดเจน ซึ่งในฐานะรัฐบาล ก็ต้องเข็นอย่าให้ชะงัก"นายสมคิดกล่าว

ธปท.ยอมรับส่งออกต่ำคาด

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การส่งออกเดือน ก.ย.ที่หดตัว 5.2% หลักๆ มาจากการหดตัวของ การส่งออกทองคำ และสินค้าที่โดนสหรัฐตั้งกำแพงภาษี ทั้งแผงโซลาร์เซลล์ และเครื่องซักผ้า

ประกอบกับการส่งออกภายในภูมิภาคได้รับผลกระทบชั่วคราวจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ ขณะที่การ ส่งออกสินค้าอื่นๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ เครื่องปรับอากาศ ปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ยังขยายตัวได้ จึงคาดว่าการส่งออกของไทยจะติดลบเพียงชั่วคราว

คาดหดตัวแค่ชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่การส่งออกติดลบในเดือนก.ย. เพราะถ้าดู การส่งออกของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็หดตัวในเดือนดังกล่าวด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า การส่งออกไทยในเดือนดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ของ ธปท. พอสมควร แม้จะหักปัจจัยพิเศษเรื่องทองคำและภัยธรรมชาติออกไปแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงที่การส่งออกทั้งปีในปีนี้ อาจขยายตัวได้ต่ำกว่าประมาณการของ ธปท. ที่ 9%

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจไทยทั้งปีซึ่งประเมินไว้ที่ 4.4% ณ ขณะนี้ยังเชื่อว่าจะเป็นไปตามคาด เพราะตัวเลขดังกล่าวเป็นมุมมองที่ค่อนข้าง อนุรักษ์นิยมพอสมควรในส่วนของการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งกว่าจะถึงการปรับประมาณการใหม่ คือ รอบการประชุมเดือนธ.ค. ทาง ธปท. น่าจะมีข้อมูลเต็มของไตรมาส3 และ เดือนต.ค. เพื่อใช้ประกอบการประมาณการแล้ว

เทขายเงินบาทผิดหวังส่งออก

ภายหลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศ ตัวเลขการส่งออกที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาด คาดการณ์เอาไว้ ส่งผลให้เริ่มมีแรงเทขายเงินบาท กดดันให้เงินบาทวานนี้(22 ต.ค.) อ่อนค่าลงค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยปิดตลาดที่ระดับ 32.77 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับราคาปิดวันก่อนหน้าที่ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ หรืออ่อนค่าลงประมาณ 0.5%

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนักลงทุนผิดหวังกับตัวเลขการส่งออกที่ต่ำกว่า การคาดการณ์ของตลาด ประกอบกับมีแรงเทขาย เพื่อตัดขาดทุนจากนักค้าเงินต่างประเทศที่ เข้ามาเก็งกำไรเงินบาทในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ค่าเงินบาท วานนี้อ่อนค่าลงเร็วเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภา

"ตลาดค่อนข้างช็อกกับตัวเลขส่งออก ที่ลดลงค่อนข้างมากแม้จะบอกว่าฐานปีก่อนสูง แต่เมื่อไปดูการนำเข้าของประเทศคู่ค้าที่เราส่งออกไปก็พบว่าไม่ได้ลดลง จึงเริ่มมีการตั้ง คำถามว่าแล้วทำไมการส่งออกของไทยจึงปรับลดลง ซึ่งในช่วงที่ยังหาคำตอบไม่ได้ จึงมีแรงขายออกมาก่อน"

นอกจากนี้การซื้อขายเงินบาทในปัจจุบันสภาพคล่องเริ่มน้อยลง หลังจากผู้ส่งออก ได้เทขายเงินดอลลาร์ออกมาก่อนหน้านี้ ช่วงที่เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง ประกอบกับ ในช่วงนี้เมื่อเงินบาทเริ่มอ่อนลง และราคาน้ำมัน ที่เริ่มปรับลดลง ผู้นำเข้าซึ่งส่วนใหญ่เป็น กลุ่มโรงกลั่นเริ่มเทขายเงินบาทหันมาซื้อ เงินดอลลาร์เพิ่ม ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงเร็วขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการอ่อนค่าของเงินบาท น่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นเท่านั้น เพราะการตัดขายของเทรดเดอร์ที่ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินต่างชาติไม่น่าจะเกิดขึ้นทุกวัน เมื่อเขาตัดขายออกไปรอบนี้ก็ไม่น่าจะสร้างแรงกดดันต่อเงินบาทเพิ่มแล้ว

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอล มาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า หลังจากกระทรวงพาณิชย์ประกาศ ตัวเลขส่งออกไทยเดือนก.ย. ปีนี้หดตัว 5.20% เป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน ค่อนข้างเป็นที่ตกใจของตลาดและน่าเป็นห่วง ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากกว่าและ ไม่สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งแร


Source: กรุงเทพธุรกิจ

——————————————                                                                            ———————————————

ติมตามข่าวสารการเงิน เศรษฐกิจรอบโลกได้ที่ คลิ๊ก
เข้ากลุ่มนักเทรดใน Facebook คลื๊ก นี้


 

0 Share