ลุ้น'ทรัมป์'เจรจา'สีจิ้นผิง'โอกาสสุดท้ายเลี่ยงสงครามการค้า : เงียบหายไปหลายวันสำหรับข่าวสงครามการค้า แต่วานนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เตรียมเก็บภาษีรอบสุดท้ายมูลค่า 2.57 แสนล้านดอลลาร์กับสินค้าจีน หากการเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ล้มเหลว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันจันทร์ (29 ต.ค.) ตามเวลา ท้องถิ่นว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ พร้อมแล้วที่จะเก็บภาษีสินค้าจีนที่เหลือมูลค่า 2.57 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากที่เก็บไปแล้ว 2.5 แสนล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ทั้งทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้สงครามการค้าบานปลายได้ หากการเจรจานอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ จี 20 ที่อาร์เจนตินา ช่วงสิ้นเดือน พ.ย.ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าล้มเหลวการเก็บภาษีรอบสุดท้ายจะมีผลในเดือน ก.พ.2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน

ผู้สื่อข่าวสอบถามความชัดเจนจาก นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวช่วงบ่ายวันจันทร์ เธอปฏิเสธเผยรายละเอียด กล่าวเพียงว่า หวังให้การประชุมระหว่างผู้นำทั้งสองประสบความสำเร็จด้วยดี

ภาษีรอบนี้ส่วนใหญ่เก็บจากสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทุน ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ยังออมมือไว้ไม่เรียกเก็บ จึงมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคและธุรกิจสหรัฐจะต้องซื้อสินค้าแพงในเร็วๆ นี้

ด้านนักเศรษฐศาสตร์และบริษัทสหรัฐได้แต่เตือนว่า การเก็บภาษีมีแต่จะเพิ่ม ต้นทุน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจสหรัฐเอง

สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกเปิดฉากขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. เมื่อรัฐบาลทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้าจีน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อลงโทษที่จีน ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและใช้นโยบายเศรษฐกิจปิดกั้นการแข่งขัน สร้างความเสียหายให้กับบริษัทอเมริกัน ซึ่งจีนเองก็เก็บภาษีตอบโต้จากสินค้าสหรัฐมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์

แม้ระหว่างนั้นทั้งสองฝ่ายหารือกัน แต่ภาษีระลอกแรกก็มีผลในเดือน ก.ค. ไม่นานหลังจากทรัมป์ประกาศเก็บภาษีระลอกสองจากสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ที่มีกำหนดเก็บจริงช่วงปลายเดือน ก.ย. และจีนก็ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าสหรัฐมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์

การเจรจาเพื่อป้องกันไม่ให้สงครามการค้าบานปลายคืบหน้าไปเพียงเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกไปถึงนอกแวดวงการค้าด้วย ตัวอย่างเช่น ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไปรษณีย์สากลที่เป็นภาคีมานานถึง 144 ปี เพราะสนธิสัญญาดังกล่าวทำให้บริษัทจีนส่งสินค้ามายังสหรัฐได้ในราคาถูก

หลังมีรายงานข่าวจากบลูมเบิร์กตลาดหุ้นสหรัฐร่วงทันที หุ้นบริษัทผลิตเครื่องบิน และอากาศยานระดับโลก "โบอิง" ปิดตลาด ลดลง 6.5% ถือเป็นวันเลวร้ายที่สุดของวอลล์สตรีทนับตั้งแต่เดือน ก.พ.2559

ดัชนีดาวโจนส์ลบกว่า 200 จุดผลพวง จากข่าวความขัดแย้งทางการค้า ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ลด 0.6%

ถ้าสหรัฐเก็บภาษีใหม่จริงย่อมถือเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามกดดันสินค้าจีนเพื่อบีบให้ผู้นำจีนเปิดโต๊ะเจรจา

หุ้นสหรัฐส่งผลสะเทือนให้ตลาดหุ้นเอเชียร่วงไปตามๆ กัน แต่สถานการณ์พลิกผัน เมื่อช่วงปิดตลาด หลังจากทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ในวันอังคาร (30 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เชื่อว่าจะสามารถตกลงกับจีนได้ด้วยดี แต่ไม่วายเตือนว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็เก็บภาษีรอบใหม่แน่นอน

"ผมคิดว่าเราน่าจะตกลงกับจีนได้ผลมาก ต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ เพราะภาษีมีแต่ทำให้ประเทศเสียหาย" ทรัมป์กล่าว พร้อมย้ำโดยไม่ระบุรายละเอียดว่า เขาอยากจะทำข้อตกลงเสียตอนนี้เลย แต่จีนยังไม่พร้อม อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังระบุ

"ผมยังมีอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์รออยู่ หากเราตกลงกันไม่ได้"

นายหลูกัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า ทั้งจีนและสหรัฐหารือกันมาโดยตลอดในทุกระดับ และเป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีสีและประธานาธิบดีทรัมป์อาจพบกันในอาร์เจนตินา แต่เขาก็ยังไม่ให้รายละเอียด กล่าวเพียงว่า หากสหรัฐไม่ยินดีส่งเสริมความร่วมมือกับจีนแบบที่ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ จีนก็มั่นใจว่าจะเดินหน้าปฏิรูปและพัฒนาด้วยตนเองได้

เอริน เอนนิส รองประธานอาวุโสสภาธุรกิจสหรัฐ-จีน กล่าวว่า ไม่แปลกใจเลย ที่เห็นทรัมป์เดินหน้าประกาศเก็บภาษีจีน เพิ่มอีก เนื่องจากเขาขู่ว่าจะทำแบบนี้ตลอดเวลา แต่เธอกล่าวว่าสภาธุรกิจซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทสหรัฐที่ดำเนินธุรกิจในจีน เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้เวลาที่มีก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจะพบกัน เจรจาประเด็นนี้ให้คืบหน้ายิ่งขึ้น

"เราหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะใจเย็นและเริ่ม หารือในประเด็นสำคัญที่แก้ไขข้อกังวลของฝ่ายสหรัฐจนนำไปสู่การยกเลิกภาษีได้"

พาณิชย์สหรัฐเล่นงาน บ.จีน

ในวันเดียวกันนั้นกระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศควบคุมการส่งออกไปยัง "ฝูเจี้ยนจินหัว" บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของจีนที่มีรัฐบาลหนุนหลัง โดยบริษัทแห่งนี้ จะไม่สามารถซื้อส่วนประกอบจากบริษัทสหรัฐได้อีกหากไม่มีใบอนุญาตพิเศษ

กระทรวงอธิบายว่า ที่ต้องสั่งห้ามเพราะ บริษัทฝูเจี้ยนจินหัว ส่อเค้าเป็นอันตรายใหญ่หลวงอาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ขัดแย้งต่อผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐ "เมื่อบริษัทต่างชาติเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์แห่งชาติเรา เราจะปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดคุ้มครองผลประโยชน์แห่งชาติ" นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์กล่าวและว่า คำสั่งห้ามส่งออกไปให้ฝูเจี้ยนจินหัว จะลดความสามารถของบริษัทไม่ให้เป็นภัยต่อซัพพลายเชนส่วนประกอบจำเป็นที่ใช้ในระบบกองทัพสหรัฐ หลายเดือนก่อนรัฐบาลทรัมป์เคยห้ามส่งออกสินค้าให้กับแซดทีอี บริษัทเทคโนโลยีใหญ่สุดรายหนึ่งของจีน ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า แซดทีอีหลอกลวงทางการอเมริกัน ไม่ยอมลงโทษพนักงานที่ฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐกระทำต่อเกาหลีเหนือและอิหร่าน สหรัฐเพิ่งถอดแซดทีอีออกจากบัญชีดำในเดือน ก.ค.หลังบริษัทยอมจ่ายค่าปรับ 1 พันล้านดอลลาร์ และเห็นชอบออกมาตรการตรวจสอบให้เข้มงวดยิ่งขึ้น

Source: กรุงเทพธุรกิจ

ความคืบหน้า
- Trump advisor Larry Kudlow: 'Nothing is set in stone right now' on new China tariffs : https://www.cnbc.com/…/kudlow-nothing-is-set-in-stone-right…


เพิ่มเพื่อนเพื่อติดตามข่าวสารการเงิน เศรษฐกิจรอบโลกได้ที่ คลิ๊ก
เข้ากลุ่มนักเทรดใน Facebook คลื๊ก นี้


 

0 Share