หวั่นนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว : ซีทริป บริษัททัวร์รายใหญ่ในจีน คาดไตรมาส 4 ไม่สะพัด เหตุเศรษฐกิจซบ-เงินหยวนอ่อนค่า ทำคนไม่ใช้เงิน

วอลสตรีทเจอร์นัล รายงานว่า หุ้นของบริษัท ซีทริป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในจีน ปิดลบหนักถึง 19.02% ในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่แรงที่สุดในรอบมากกว่า 3 ปี หรือตั้งแต่เดือน มี.ค. 2015 เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง จะฉุดให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจีนทั้งในและต่างประเทศซบเซาลงตามไปด้วย

รายงานระบุว่า ความกังวลของนักลงทุนมีขึ้นหลังจาก ซินดี เสี่ยวฟาน หวัง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของซีทริป ประกาศคาดการณ์กำไรผลประกอบการไตรมาส 4 ปีนี้ อยู่ที่ระหว่าง 0-1% หรือลดลงจาก 20% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลง รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน เช่น การใช้งบการตลาดที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ซีทริปและชือนา (Qunar) ครองส่วนแบ่งการตลาดออนไลน์ในจีนร่วมกันมากกว่าครึ่ง และนับเป็นตัวชี้วัดทิศทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจีน โดยซีทริป มีมูลค่าการตลาดมากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.95 แสนล้านบาท)

อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งปี 2018 หุ้นของซีทริปดิ่งลงไปแล้ว 36.6% ท่ามกลางสงครามการค้าและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนค่ามากกว่า 6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจีนทั้งบริษัททัวร์ สายการบิน และโรงแรม

เอลลา จี หัวหน้าฝ่ายวิจัยการสื่อสาร มีเดีย และเทคโนโลยีของบริษัท ไชน่า เรอเนสซองส์ กล่าวว่า เนื่องจากการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวถือเป็นรายจ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น หรือไม่ใช่ส่วนหลักเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดังนั้น การท่องเที่ยวจึงอาจซบเซาลงหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอีก ขณะที่การท่องเที่ยhttps://www.wsj.com/articles/chinese-travel-giant-trips-up-investors-1541743516วในต่างประเทศก็อาจได้รับผลกระทบด้วยเพราะค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง ซึ่งฉุดกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวจีน

ในวันเดียวกัน สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ในจีน ได้เปิดเผยยอดขายรถยนต์ล่าสุดในเดือน ต.ค. ด้วยว่า ยอดขายลดลงไป 11.7% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2.38 ล้านคัน และยังนับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แล้ว

ขณะที่ยอดขายรถในจีนช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 0.1% เมื่อเทียบปีก่อน อยู่ที่ 22.87 ล้านคัน ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะโตได้เล็กน้อย

เอพีระบุว่า ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการซื้อรถยนต์ในจีนลงมาแล้ว หลังจากที่รัฐบาลปักกิ่งควบคุมการปล่อยกู้ของธนาคารตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 เพื่อควบคุมการก่อหนี้ใหม่ แต่อัตราชะลอตัวของตลาดรถยนต์ในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลับแย่ลงมากกว่าที่คาดเอาไว้ จนมีการคาดกันว่ารัฐบาลอาจต้องออกมาตรการลดภาษีหรือให้มาตรการจูงใจเพื่อพยุงตลาดออกมา

เหยา จี รองเลขาธิการของสมาคมฯ กล่าวว่า การจะทำให้ยอดรวมทั้งปีกลับมาเติบโตเป็นบวกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และหากตัวเลขทั้งปีนี้ติดลบ ก็จะเป็นปีแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 ที่ยอดขายรถในจีนหดตัวลง

Source: Posttoday

0 Share