อีกเพียงแค่ 2 วัน ก็จะถึงการประชุมใหญ่ที่ทั่วโลกต้องจับตามองอีกครั้งกับการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ

คิมจองอึน ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ เพื่อหารือเรื่องการปลดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและนำพาสันติภาพมาสู่คาบสมุทรเกาหลี

การประชุมซัมมิตครั้งแรกที่สิงคโปร์อาจยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นที่หลายฝ่ายยังไม่ถึงกับตั้งความหวัง แต่นั่นไม่ใช่กับครั้งนี้ที่หลายฝ่ายจับตาว่าจำเป็นต้องมีผลการประชุมที่เป็นรูปธรรมบางอย่าง เพื่อไม่ให้เป็นเพียงแค่ละครฉากใหญ่ของโลกเท่านั้น

นิวยอร์กไทมส์และเอพีรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า สหรัฐกำลังพิจารณาข้อเสนอที่ทรัมป์สามารถเสนอให้คิมเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยข้อเสนอที่อยู่ในการพิจารณา ได้แก่ "การแลกเปลี่ยนศูนย์ประสานงานกับเปียงยาง" และ "การประกาศสิ้นสุดสงครามเกาหลี ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 1950-1953 อย่างเป็นทางการ"

การทำข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามอย่างเป็นทางการนั้น เป็นภารกิจที่เกาหลีเหนือใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยุคิมอิลซอง ผู้นำสูงสุดคนแรก และจะเป็นจุดสิ้นสุดสงครามเกาหลีที่แท้จริง จากเดิมที่เป็นเพียงรูปแบบข้อตกลงหยุดยิง หรือ "ความตกลงการสงบศึกเกาหลี"(Korean Armistice Agreement) ที่เกาหลีเหนือจีนและสหรัฐในนามกองบัญชาการสหประชาชาติลงนามไว้เมื่อปี 1953

รายงานระบุว่า การทำข้อตกลงสันติภาพอาจนำไปสู่การผ่อนมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ และการปรับลดจำนวนทหารสหรัฐในเขตปลอดทหารทางตอนใต้ อีกทั้งจะเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคิม ในช่วงที่เปียงยางพยายามปรับเปลี่ยนจากการเน้นการทหารไปเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและปรับเศรษฐกิจให้ทันสมัย แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นการคงทหารกับระบบต่อต้านขีปนาวุธเอาไว้ในเกาหลีใต้

ก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือเคยมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น เมื่อรัฐบาลสหรัฐยุคประธานาธิบดี บิล คลินตัน บรรลุข้อตกลงสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีในปี 1993 และ 2 ปีต่อมา ทั้งสองชาติให้คำมั่นว่าจะลดอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุน เช่นเดียวกับการเปิดศูนย์ประสานงานในเมืองหลวงของทั้งสองชาติ และยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูต

ทว่าความสัมพันธ์กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช กล่าวโจมตีเกาหลีเหนือว่าเป็น "อักษะแห่งปีศาจ" (axis of evil) ในปี 2002 ก่อนที่เปียงยางจะทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006

เสนอช่วยเหลือเศรษฐกิจ

ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี มุนแจอิน ได้เปิดเผยกับทรัมป์ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีใต้พร้อมจะเสนอช่วยเหลือเรื่องเศรษฐกิจให้เกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในข้อเสนอให้เปียงยางลดนิวเคลียร์ เช่น การรื้อโครงการเชื่อมต่อรางรถไฟและถนนระหว่างเกาหลี เช่นเดียวกับโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดภาระสหรัฐ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ทรัมป์และคิม หารือกันครั้งแรกในเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว ที่สิงคโปร์ เกาหลีเหนือยังไม่มีความ คืบหน้าหลังการเจรจามากนัก โดยคิมและมุนได้จัดซัมมิตหลายครั้ง ทั้งยังให้คำมั่นเรื่องความร่วมมือต่างๆ ในทุกด้าน ตั้งแต่การลดความตึงเครียดบริเวณชายแดนไปจนถึงการเริ่มต้นความพยายามร่วมกันเสนอจัดเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ 2032 ขณะที่คิมได้กล่าวในสุนทรพจน์ขึ้นปีใหม่ว่าต้องการให้เปิดเขตอุตสาหกรรมร่วมระหว่างเกาหลีในเมืองเกซองของเกาหลีเหนืออีกครั้ง เช่นเดียวกับการเปิดให้เกาหลีใต้สามารถท่องเที่ยวสู่ภูเขาคุมกังของเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ดี โครงการทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ทางรถไฟ การเปิดศูนย์อุตสาหกรรมร่วม และการเปิดให้นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เข้าเกาหลีเหนือ ยังคงไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากสหรัฐยืนยันมาตลอดว่าจะไม่ผ่อนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ จนกว่าจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนในการปลดนิวเคลียร์

ทว่าผู้นำสหรัฐก็เริ่มแบ่งรับแบ่งสู้ โดยส่งสัญญาณเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าพร้อมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรถ้าเปียงยางมีความคืบหน้าอย่างชัดเจนในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดจากทรัมป์ ที่เชื่อว่าเกาหลีเหนือไม่ได้เล่นเกมซื้อเวลา

ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

Source: Posttoday
เพิ่มเติม
- Trump and Kim May Declare End of War at Summit, South Korea Says : https://www.nytimes.com/…/trump-kim-jong-un-hanoi-summit.ht…

0 Share