gold

“Safe Asset” หากพูดถึงคำนี้หลายๆคนคงต้องคิดถึง“ทองคำ”ขึ้นมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นนักลงทุนด้วยแล้ว เชื่อว่าต้องเคยผ่านการลงทุนในทองคำกันมา

ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรือแม้กระทั่ง Gold future แต่มีสักกี่คนที่เคยไปนั่งอ่านประวัติความเป็นมาของทองคำ และจะมีอีกกี่คนที่ศึกษาการขึ้นอย่างรุนแรงของราคาทองคำว่าเกิดจากอะไร ซึ่งในบทความนี้เราจะมาตีแผ่ความจริงเกี่ยวกับทองคำทั้งในแง่ของความเชื่อและในแง่ของการลงทุน

ทองคำ ได้เข้ามามีส่วนสำคัญและอยู่คู่กับมนุษย์โลกมาอย่างยาวนานมากกว่า 6 พันปีแล้ว โดยมักจะอยู่คู่กับศาสนา ความเชื่อ หรือสถาบันกษัตริย์ โดยมีบทบาทในฐานะสิ่งที่แสดงถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย และได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งลาติน ยุโรป อียิปต์ ทวีปอเมริกา สุวรรณภูมิ(แถบประเทศไทย พม่า มาเลเซีย) โดยทองคำถูกยกให้เป็นเจ้าแห่งโลหะ บางที่มีการใช้ทองคำเป็นเงินตรา และด้วยความที่เป็นสมบัติที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกจึงมีการสันนิษฐานว่าอาจเป็นสาเหตุของการล่าอาณานิคมกันเลยทีเดียว
เกริ่นประวัติคร่าวๆแค่นี้ก่อนนะครับ เพราะที่เราต้องการให้อ่านจริงๆคือต่อจากนี้ 

หากเราตั้งคำถามว่าราคาทองขึ้น-ลง เกิดจากอะไร? คำตอบที่ได้จากคนทั่วไปก็มักจะบอกว่า อยู่ที่ Demand & Supply บ้างก็จะบอกว่าอยู่ที่นโยบายการเงิน ดอกเบี้ยขาขึ้น-ขาลง บ้างก็บอกว่าอยู่ที่ผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ แต่หากคุณศึกษาราคาทองคำจากอดีตตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา อาจสังเกตและเกิดคำถามว่าทำไมในปี 1980 ราคาทองคำถึงได้ Sideway ทำอะไรตั้ง 20 ปี แล้วทำไมหลังปี 2001 ราคาถึงขึ้นแรงมากถึง 4 เท่าได้? แล้วเรื่องแบบนี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นอีกหรือไม่ และเมื่อไหร่?
หากมองจากข่าวสารทั่วไปที่เผยแพร่ออกมา เหตุผลที่ให้คงหนีไม่พ้น จีนกับรัสเซียซื้อทองเข้าคลังเพิ่ม บ้างก็เก็งกำไรทองขึ้นรับตรุษจีน รวมถึงเหตุผลยอดนิยมที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเศรษฐกิจไม่ดีเงินไหลเข้า Safe Asset อืมถ้าเอาสาเหตุยอดนิยมนี้มาคิดสงสัยเศรษฐกิจโลกจะพังตั้งแต่ปี 2001-2012 เลยขึ้นมา 4 เด้งได้ แต่หากเป็นเหตุผลนั้นจริงแล้วทำไมช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 1997 ราคาทองคำถึงไม่ขึ้น อย่างตอนนี้มี Emerging Crisis ก็ไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยใดๆ หรือเราคิดไปเอง? ทั้งนี้ทางเราไม่ปฏิเสธประเด็นการเก็งกำไรเพราะอาจมีช่วงที่ข่าวเล่นแล้วทำให้ราคามีการแกว่งเกิดขึ้นได้บ้าง แต่เราอยากเสนอให้เห็นว่า สาเหตุเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เกิด Trend รอบใหญ่เท่านั้นเอง แล้วสิ่งที่ปลดล็อคให้เกิด Trend จริงๆคืออะไร? เรามาต่อกันดีกว่าครับ

สิ่งที่ทำให้เกิด Trend รอบใหญ่ของทองจริงๆอยู่ที่ Demand&Supply กับนโยบายครับ ...ใช่ครับเราก็ตอบเหมือนกับคนอื่นๆน่ะแหละแต่อย่างที่บอก เราจะผ่าออกมาว่า 2 ประเด็นนี้คืออะไร แล้วมันปลดล็อคยังไง
เริ่มต้นจาก Demand&Supplydก่อน ด้วยความเชื่อที่ว่า Supply มีจำกัดถึงจะผลิตได้คงไม่ได้โผล่มาแบบพรวดพราดอาจจะไม่มีผลกระทบมาก ดังนั้นเราจะมาดูกันที่ Demand เป็นหลักครับ เริ่มจากความต้องการซื้อทองมาจากไหนเราลองมาดูกัน

1. เพื่อเป็น Reserve ในธนาคารกลางของแต่ล่ะประเทศ อันนี้น่าจะเป็น Demand หลักในความคิดของคนหลายๆคน หากแต่ความจริงธนาคารกลางทั่วโลกถือทองคำรวมกันเพียง 17.2% ของทองคำทั้งโลก

2. ทองคำที่ใช้ในอุตสาหกรรมถ้าเทียบกับ Reserve ถือว่าไม่น้อยทีเดียวอยู่ที่ 12.14%

3. การลงทุนในส่วนของทองแท่งหรือเหรียญทองซึ่งมีมากกว่า Reserve เล็กน้อยที่ 19.26%

4. เครื่องประดับ อันนี้คงนิยามถ้าเทียบกับหุ้นคงเป็นรายย่อย และเป็นผู้ถือทองคำเกือบครึ่งที่ 49.2% เลยที่เดียว

***อ้างอิงข้อมูลจาก United States Geological Survey ในปี 2011***

ส่วนที่เหลือเล็กน้อยคงไม่ขอพูดถึงนะครับ ข้อมูลที่ใช้อาจเก่าหน่อยถ้าใครมีที่อัพเดทกว่านี้มาแชร์กันนะครับ แต่คาดว่าสัดส่วนคงไม่ห่างจากนี้มาก จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าการบริโภคทองคำที่แท้จริงส่วนมากเกิดจากการซื้อของคนทั่วไปอย่างเรานี่แหละ เวลามีข่าวกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายจึงไม่แปลกอะไรที่จะมีผลกระทบต่อราคาทอง

ประเด็นต่อมาคิดว่าคนทั่วไปเริ่มอยากที่จะซื้อทองสะสมไว้กับตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่? (คนสมัยโบราณก็สะสมทองนะครับ แต่จุดประสงค์อาจต่างกันบ้างเพราะปัจจุบันคนเน้นที่จะทำกำไรจากทองมากกว่า ต่างกับคนสมัยก่อนที่อยากสะสมไว้ไม่คิดจะเก็งกำไร) ลองถามตัวเองก่อนก็ได้ครับว่าเราเริ่มชื่นชอบและลงทุนซื้อทองตั้งแต่ช่วงไหน คนส่วนมากน่าจะไม่พ้นช่วงต้มยำกุ้ง(สำหรับคนไทย) เพราะค่าเงินที่อ่อนลงช่วงนั้นทำให้ราคาทองในประเทศขึ้นอย่างรวดเร็วแม้ไม่เกี่ยวกับราคาทองโลกก็ตาม โชคดีต่อเนื่องของคนเล่นทองในไทยที่ราคาทองโลกขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากปี 2001 เป็นต้นมาทำให้ราคาทองไทยเล่นได้อย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงปี 2012-2013 และในการขึ้นรอบใหญ่นี้แหละที่กระแส Safe heaven ถูกกระพือจนคนเชื่อว่ามีวิกฤตต้องซื้อทอง เพราะช่วงเวลาไปคร่อมกับ Finacial Crisis ในปี 2008-2009 พอดี สำหรับบางคนที่เป็นคนอายุมากอาจเริ่มเล่นตั้งแต่รอบแรกของทองช่วง 1970-1980 ที่เป็นฟองสบู่ในทองคำเองด้วย

ทางเราเชื่อว่ากระแสการเป็น Safe heaven ของทองคำถูกสร้างมาจากช่วงเหล่านี้ ซึ่งหากดูจากประวัติศาสตร์เราคงไม่เถียงสิ่งที่อยู่คู่กับเรามากว่า 6 พันปีว่ามันเป็น Safe heaven จริงๆ มันไม่มีทางไร้ค่าหรอก แต่คำถามคือ Safe heaven นี้ราคาสูงไปรึยัง และยังคงไปต่อได้หรือไม่มากกว่า ในเชิงจิตวิทยาโดยปกติคนจะถูกปลูกฝังความคิดจากปัจจัยภายนอกช่วงเวลา 15-20 ปี จะเห็นได้ว่าค่านิยมหรือลักษณะการใช้ชีวิตคนแต่ละรุ่นจะแตกต่างกัน รวมถึงสิ่งที่ลงทุนก็มักจะต่างกันด้วย หากจะอิงจากทฤษฎีนี้คนที่ชอบลงทุนในทองคำควรจะผ่านช่วงเวลาที่ทองคำขึ้นได้ดีและเป็นกระแสที่สังคมยอมรับ ซึ่งคนกลุ่มนี้อายุน่าจะ 35 ปีขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หากทฤษฎีนี้เป็นจริงลองสอบถามเด็กรุ่นๆที่อายุต่ำกว่า 35 ปี ดูนะครับว่าทองคำยังเป็นสิ่งที่ยั่วยวนสำหรับคนรุ่นใหม่อยู่ไหม ถ้าไม่ราคาทองคำในอนาคตคงขาด Demand จากคนทั่วไปบางส่วนในอนาคต อยู่ที่ wealth หรือทรัพย์สินของคนที่มีอำนาจซื้อทองคำจะส่งต่อมายังรุ่นต่อไปเมื่อไหร่?(จากพ่อแม่สู่ลูก) และพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ยังคงชอบทองอยู่หรือไม่?

ส่วนต่อไปคือด้านนโยบาย แต่นโยบายที่เรากล่าวถึงไม่ใช่นโยบายการเงินหรือดอกเบี้ย แต่หมายถึงกฎหมายครับ หากมองทองคำเป็น commodity ตัวนึงที่ใช้ประโยชน์เพื่อเก็บเป็น Reserve เพื่อเป็นที่รักษาทรัพย์สิน(Safe heaven) รวมถึงใช้เพื่ออวดความรวยหรือแสดงความมั่งคั่ง(ดูได้จากสัดส่วนการถือทองคำทั้งโลกจะเห็นว่าอยู่ในเครื่องประดับเกือบครึ่ง) เราจะบอกถึงสาเหตุการขึ้นของทองคำรอบปี 2001-2012 ในอีกมุมนึง

หากพูดถึงมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก คงไม่มีใครที่ไม่นึกถึงชื่อ จีน มหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกที่อาจขึ้นเป็นอันดับ 1 ในไม่ช้า แต่ทำไมเราถึงกล่าวถึงประเทศจีน มันเกี่ยวกับนโยบายที่ทำให้ราคาทองคำขึ้นอย่างไร? หากเราบอกว่าในอดีตประเทศจีนไม่เคยเปิดเสรีให้ประชาชนซื้อทองคำได้ล่ะ? และจีนทยอยเปิดเสรีเริ่มจากปี 1979 ซึ่งเป็นปีที่อนุญาตให้ขายเหรียญทองได้ ในปี 1982 เครื่องประดับทองคำได้รับอนุญาตให้ขายในตลาดจากนั้นในปี 2000 ทองคำแท่ง ในปี 2002 Shanghai Gold Exchange เปิดให้บริการ และเมื่อกระแสการลงทุนทองคำแท่ง รวมถึงทองคำรูปพรรณถูกปลดล็อคให้กับตลาดที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลกช่วงเวลานั้น หากเราจะบอกว่ากุญแจที่เคยล็อคเหล่าคนที่มีความชื่นชอบในทองและต้องการลงทุนทอง และเป็นกลุ่มคนที่เริ่มมีความมั่งคั่งในมือช่วงเวลาถูกปลดออก Demand ที่ถูกกักขังมานานจึงล้นทะลักเข้าสู่ตลาดทองพร้อมๆกับการสร้างกระแสให้คนในยุคนั้นต้องเล่นทองคำกัน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาทองที่เคย sideway มาตลอดถูกดันราคาขึ้นมาพร้อมๆกับเศรษฐกิจของจีนมากกว่า

จนถึงปัจจุบันราคาทองยังคงแกว่งออกข้าง ด้วยความที่ทุกๆประเทศในโลกยังคงถือทองเป็น reserve กันอยู่ ราคาทองคำคงรับประกันความปลอดภัยได้ในระดับนึง แต่หากให้คิดว่าจะมีกุญแจปลดล็อคให้ราคาทองคำกลับมาเป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนเพื่อเก็งกำไรอีกครั้งเร็วๆนี้หรือไม่ เราคิดว่ายัง และค่านิยมของคนรุ่นใหม่ของทั้งโลก เหมือนจะให้ค่ากับทองคำไม่เหมือนเดิม

 

CR.Bottomliner

0 Share