"หมู่เกาะเคย์แมน" เป็นเขตปกครองตนเอง โพ้นทะเลของอังกฤษในทะเลแคริบเบียนฝั่งตะวันตก อาณาเขต 264 ตารางกิโลเมตร
ประกอบด้วย สามเกาะ คือ แกรนด์เคย์แมน เคย์แมนบราคและ ลิตเติ้ลเคย์แมน ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของคิวบาและทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮอนดูรัส เมืองหลวงคือจอร์จทาวน์ตั้งอยู่ที่เกาะ Grand Cayman ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดในบรรดาสามเกาะ
หมู่เกาะเคย์แมน ที่เข้าใจว่าถูกค้นพบครั้งแรกจากชาวยุโรปโดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในวันที่ 10 พฤษภาคม 1503 และแยกตัวออกจาก จาไมก้า มาในปี 1962 เป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของเขาในการมาอเมริกา ถือเป็นส่วนหนึ่งของเขตพื้นที่ทางตะวันตกของแคริบเบียน ดินแดนนี้มักถูกมองว่าเป็น “หลุบหลบภัยทางการเงินนอกชายฝั่ง” หรือ offshore financial haven ที่สำคัญของโลกสำหรับธุรกิจระหว่างประเทศและบุคคลที่ร่ำรวยหลายคน
การท่องเที่ยวเริ่มเฟื่องฟูขึ้นในช่วงปี 1950 ถึง 1960 ด้วยการเปิดสนามบินตามด้วย “ธนาคาร” และโรงแรมหลายแห่งรวมถึงเที่ยวบินตามกำหนดการและเป็นจุดแวะพักของเรือสำราญของคนรวย จากนั้นก็มีรัฐธรรมนูธใหม่ในการจะพัฒนาเศรษฐกิจของเกาะ
ที่ผ่านมาในอดีตเกาะนี้ เคยเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับการ “ยกเว้นภาษี” และรัฐบาลมักพึ่งพาภาษีทางอ้อมและไม่ใช่ภาษีโดยตรง และไม่เคยเรียกเก็บภาษีเงินได้ ภาษีเงินที่ได้กำไรจากเงินทุนกองทุนหรือภาษีทรัพย์สินเลย ทำให้เป็นที่นิยมเป็นหลุมหลบภัยทางการเงินของบริษัทและคนรวยทั่วโลก
ไม่มีการเก็บภาษีโดยตรงกับผู้อยู่อาศัยและ บริษัทที่จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน รัฐบาลได้รับรายได้ส่วนใหญ่จากการเก็บภาษีทางอ้อม เช่น ภาษีถูกเรียกเก็บจาก “สินค้านำเข้าส่วนใหญ่” ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ในช่วง 22% ถึง 25% รัฐบาลเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในอัตราคงที่สำหรับ “สถาบันการเงิน” ที่ดำเนินงานในเกาะและมีรายได้จาก “ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน” สำหรับแรงงานต่างชาติ
ตำนานการไม่เก็บภาษีของเกาะมาจากเรื่องเล่า “เรือล่ม 10 ลำ” เมื่อเจ้าชายชาวอังกฤษมีส่วนเกี่ยวข้องในการมากับซากเรืออับปางของชายฝั่งทางเหนือของแกรนด์เคย์แมน โชคดีที่คนท้องถิ่นเห็นซากเรือแตกและว่ายเข้าช่วยเหลือเขาช่วยเจ้าชายและลูกเรือของเขา ตั้งแต่วันนั้นเจ้าชายประกาศว่าด้วยความกตัญญูสำหรับความช่วยเหลือของเขา “พลเมืองของประเทศเกาะเคย์แมนจะไม่ต้องจ่ายภาษี” อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานที่เป็นทางการและเชื่อถือได้สำหรับเรื่องนี้หรือแม้กระทั่งว่าเจ้าชายอังกฤษมีส่วนร่วมในซากเรืออับปาง
“สวรรค์ของการฟอกเงิน”
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของ “อังกฤษ” เอง ต่อสู้กับ “การฟอกเงิน” ไม่พอใจเนื่องจากขาดความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ในหมู่เกาะเคย์แมน สำนักงานอาชญากรรมของอังกฤษบอกว่าไม่ได้รับข้อมูลที่ขอไปเลย คาดว่าจะมีมูลค่าการฟอกเงินสูงถึง 10,000 ล้านปอนด์ต่อวัน
โดยตอนนั้นพวกอังกฤษพยายามอย่างมากในการจะหาหลักฐานเพื่อมา “ยึดเงินรัสเซีย” ที่เข้าอ้างว่าเป็นเงินสกปรกเข้ามาฟอกเงินในเกาะนี้ของ สหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังได้เปิดการสอบสวน “นักกฎหมายและนักบัญชี” ที่สงสัยว่าจะอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินในเกาะนี้ด้วย
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีหลายสื่อมวลชนได้ตีแผ่เรื่องการฟอกเงินจากการโกงหรือทุจริตมากมาย เช่น เอกสาร “The Paradise Papers” เปิดเผยว่าบุคคลที่ร่ำรวยและทุจริตใช้โครงสร้างทางการเงินของเกาะเหล่านอกชายฝั่งนี้ ที่ซับซ้อนเพื่อปกปิดรอยในการฉ้อฉลทางการเงินของพวกเขา
ฝ่ายสืบสวนการฟอกเงินบอกว่าขณะนี้มีสัญญาณว่า “อาชญากรทางการเงิน” กำลังหาที่ใหม่ ในการที่พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากการตุกติกหลบหลีกจากกฎระเบียบที่เข้มงวดและซ่อนสายเครือข่ายของพวกเขาไปยังสินทรัพย์ที่สกปรกได้ "ประเทศเกาะเล็ก ๆหลายแห่ง ซึ่งผู้คนทั่วไปจากต่างประเทศสามารถจดทะเบียนบริษัทได้ง่าย แต่ยากที่จะเจาะลึกลงไปในแง่ของการเข้าถึงข้อมูล" เพราะเกาะเหล่านั้นต้องการเอื้อประโยชน์กับเจ้าของบริษัทหรือคนจดทะเบียน
เกาะเคย์แมน และเกาะฟองเงินลักษณะเดียวกันนี้ มักเกี่ยวข้องกับบริษัทขนาดใหญ่ใน “การหลีกเลี่ยงการเก็บภาษี” จากประเทศตัวเอง เช่นกัน และหนึ่งในนั้นก็มีกลุ่ม “City of London” มหาอำนาจทางการเงินของโลกอยู่ด้วย