สมัยแรกของลุงทรัมป์นั้นทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปมากมาย หลายอย่างส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่แย่ลงเลวลง
เช่น เกิด "กระแสฝ่ายขวาจัด" โกรธเกลียดชาวมุสลิมห้ามหรือจำกัดการอพยพของชาวมุสลิมหรือเอเชียไป "อเมริกา" ลำบากขึ้น
ลุงทรัมป์ทำให้" ระบบการค้าโลกอ่อนแอลง" เพราะว่า70ปีหลังมานี้ โลกพยายามจะเป็นแบบเปิดหรือ "โลกาภิวัฒน์" มากขึ้นลดกำแพงภาษีระหว่างกันลง ที่เป็นสิ่งที่อเมริกาพยายามจะสร้างและล้างสมองแนวคิดนี้ไปทั่วโลกว่าคือสิ่งวิเศษสุดของการค้าโลก
ลุงไม่ปฏิบัติตามกฏกติกาการค้าโลก เช่น การขึ้นภาษีสินค้าจากต่างประเทศเพื่อปกป้องสินค้าของตัวเอง เช่น เหล็กอลูมิเนียม ทำให้เพื่อนพ้องเยอรมันแคนาดา ญี่ปุ่น เม็กซิโก พันธมิตรอเมริกาแท้ๆเดือดร้อน
อเมริกาถอนตัวการพัฒนาTPP Trans Pacific Partnership ที่จริงๆแล้วระยะยาวอเมริกาก็จะได้ประโยชน์จากการกลืนกินธุรกิจของประเทศโลกที่สามได้อย่างง่ายดาย
แต่ทรัมป์เลือกนโยบาย"ปกป้องการค้าของตน" ทั้งๆเทคโนโลยีมันสมัยใหม่ช่วยอะไรไม่ได้มาก เช่นการผลิตเหล็กอลูมิเนียมให้ผู้ผลิตในประเทศอยู่รอดได้ก็จริง แต่ไม่ได้สร้างงานมากขึ้นเท่าเดิม เพราะเมื่อก่อนปี1980s ต้องใช้เวลาทำงาน10 ชั่วโมง จึงจะผลิตเหล็ก1 ตันได้ แต่ตอนนี้ใช้เวลาแค่1 ชั่วโมงก็ได้ปริมาณในจำนวนเท่ากัน
โดยกฏหมายที่เอื้อโอกาศให้ทรัมป์ใช้ก็เป็นกฏหมายเก่าแก่ล้าสมัย เกิดในสมัยสงครามเย็นปี1962 ที่ออกมาเพื่อปกป้องต่อสู้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ บริบทจึงต่างกับปัจจุบันมาก
ทำให้ประเทศต่างๆทั่วโลกต่างเดือดร้อนไปตามๆกัน เมื่อประเทศเล็กๆก็เป็น หางแถวของระบบ Supply chain ของประเทศใหญ่ๆทั้งนั้น
ยังไม่พอบีบให้บริษัทบริวารในอเมริกายุโรปห้ามผลิตส่งสินค้าไอทีให้กับ "หัวเหว่ย" ทั้งระบบ5จีและเครื่องโทรศัพท์มือถือ เช่นแอนดรอยด์และอินเทล เพื่อสกัดการเติบโตของบริษัทไอทีจากจีน ในตลาดโลก, นังไม่นับการยุให้แคนาดาจับตัวลูกสาวเจ้าของหัวเหว่ยอีก
นอกจากเรื่องการค้าแล้วสมัยทรัมป์ยังสร้างความแตกแยกทางการเมือง, ในโลกมากขึ้นเช่นยอมรับการปล้นดินแดนของปาเลสไตน์ผ่านการย้ายสถานทูตอเมริกาในอิสราเอลไปที่เยรูซาเลม
รวมทั้งการยิงจรวดไปที่ซีเรียรวมทั้งล่าสุด สั่งสังหารนายพลสุโมไลนี่ นายพลใหญ่ของ"อิหร่าน" เพื่อปกป้องทหารรับจ้างไอซิสเอาไว้ป่วนอาหรับให้แตกแยก ขวางเส้นทางท่อแก๊สอราบิก จากอิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน เพื่อไปขายยุโรปต่อไปรวมทั้งสร้างความวุ่นวายเพื่อจะขายอาวุธอีกชุดใหญ่ๆ , แบบไม่สนใจกฏหมายโลก รวมทั้งถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านเพียงฝ่ายเดียว
ไม่นับการหนุน "การรัฐประหารในโบลิเวียเพื่อปล้นลิเธียม" พลังงานแห่งโลกอนาคต แทรกแซงการเมืองในเวเนซุเอล่าเพื่อยกหุ่นเชิดนายกว่ายโด่ ของตนขึ้นมาแทนในประเทศที่มีแหล่งสำรองน้ำมันดิบที่มากที่สุดในโลกแบบไ่ม่สนใจกฏหมายโลก
โลกจะไม่มีขื่อแปมากขึ้น องค์กรที่ถูกสร้างขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จะหมดความหมายลงเรื่อยๆ
ที่ปรึกษาของลุงทรัมป์ตอนหลังก็มีแต่สายชาตินิยม ไม่มีสายเสรีนิยม ( แต่นักศึกษาอาจารย์ฮ่องกงก็ยังไม่เข้าใจตรงนี้ ยกถือธงอเมริกาโบกสะบัดแบบภูมิใจ ทั้งๆที่ข่าวหลายเรื่องเปิดเผยทั่วโลก )
สมัยทรัมป์จึงเป็นสมัยที่ฉีกความเป็นเอกภาพสามัคคีของการค้าโลกให้แตกแยกเป็นชิ้นๆ โยนโลกเข้าสู่ "สงครามเย็นใหม่" อย่างแท้จริง
เมื่อองค์กรปกครองโลก อย่างองค์กรการค้าโลกสหประชาชาติ ควบคุมอเมริกาไม่ได้ ทั่วโลกก็จะหันมาเดินเกมแบบเดียวกัน ปกป้องแบบเดียวกัน จะเกิดการก่อการร้ายไปทั่วโลก การค้าจะมีกำแพงไปทั่วโลก ชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อยก็จะเดือดร้อนไปด้วย
สิ่งที่ทรัมป์ทำได้คือ "สร้างปั่นราคาน้ำมันโลก" ที่ตัวเองกำลังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในโลก ให้สูงต่อไป ดอลล่าร์ก็จะแข็งต่อไป
จากนี้ไปโลกจะปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่นับ "โรคหวัดโคโรน่าจากจีนอีก" ที่เกิดในสมัยของลุงทรัมป์ เช่นกัน
นักวิเคราะห์บอกว่า แม้ว่าเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาสมัยหน้าทรัมป์จะตกกระป๋องไม่ได้เป็นต่อ แต่โลกก็จะวุ่นวายต่อไปอีกจาก "มรดกบาป" การค้าการเมืองโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Cr.Jeerachart Jongsomchai