ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 300 จุดในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน ในการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ในเดือนนี้ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า
ณ เวลา 21.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,417.03 จุด บวก 304.50 จุด หรือ 1.17%
ราคาหุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์ต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ
ราคาหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ทางบริษัททำการเปิดตัว Libra ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลล่าสุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า เขาจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน ในการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ในเดือนนี้ ขณะที่คณะเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนจะเริ่มการเจรจาการค้ารอบใหม่ก่อนการประชุมดังกล่าว
"ผมได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์กับท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งการหารือเป็นไปด้วยดี โดยเราจะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้าในการประชุมสุดยอด G20 ที่ญี่ปุ่น ขณะที่คณะเจรจาการค้าของเราจะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่ก่อนที่ผมจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นักลงทุนคาดหวังว่า การพบปะกันของปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G20 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มิ.ย. จะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนที่แล้ว โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้และพรุ่งนี้
ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้และพรุ่งนี้
อย่างไรก็ดี FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยมีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 97% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน
นายดรากีกล่าวว่า ECB อาจทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากเงินเฟ้อยังไม่แตะเป้าหมายของ ECB
ทั้งนี้ ECB ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อให้ "อยู่ใกล้ แต่ไม่เกินระดับ 2%"
นายดรากียังระบุว่า หากเศรษฐกิจย่ำแย่ลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ECB ก็อาจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
- Stocks, Bonds Rally on Trade, Stimulus Hopes: Markets Wrap :https://www.bloomberg.com/…/muted-start-seen-for-asian-stoc…