libra

หลังจากที่ David A. Marcus รองประธานของ “เฟสบุ๊ค” ได้เริ่มต้น โครงการสร้างเงิน “ลิบรา” ขึ้นมาประดับโลกในปี 2018 หลังจากที่ เงินคลิปโตอื่นๆ เช่น บิตคอยล์ นั้นไม่เวิร์ค

เพราะว่านักการเงิน นักเศรษฐศาสตร์ นายธนาคารทั่วโลกล้วนเคยเตือนดังๆแล้วว่า เงินบิตคอยล์นั้นไม่ได้อิงกับสินทรัพย์อะไรเลย ทั้งทองคำ สินค้าโภคภัณท์ น้ำมัน ทองแดง หรือเงินตราใดๆ ที่สามารถทำให้นำไปสู่การเก็งกำไร ปั่นเงิน เป็นเหมือนปั่นแชร์ หรือสินค้าขายตรงปั่นจนเป็นยอดมงกุฏ

แต่เฟสบุ๊คมาครั้งนี้ดีกว่าเดิม หวัง “ตก” เด็กหรือคนที่หวังภาพว่าเงินในยุคออนไลน์ต้องเป็นเงินที่จ่ายทางโทรศัพท์และไร้เงินสด ที่เป็นเงินสกุลสากล ตามที่นักพยากรณ์อนาคตเรื่องเงินเคยวาดภาพไว้ โดยมองว่าจะดัน เงิน “ลิบรา” ให้เป็นเงินหลักของโลกในอนาคต มีการประกาศตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา

โดยมาคราวนี้ มีการแก้จุดอ่อนโดยการให้เงิยลิบรานี้ “อ้างอิงกับเงินสกุลหลักของประเทศในตะกร้าเงินโลก” เช่นของไอเอ็มเอฟ ที่ก็คือเงิน ดอลล่าร์ ปอนด์ เยน ยูโร หยวน และ หลักทรัพย์ของของอเมริกา ที่จะมาเชื่อมต่อกัน ( เพื่อจะ “ตกเด็ก” ที่เห็นจุดอ่อนจากครั้งที่แล้วให้ได้นั้นก็หลีกเลี่ยงความผันผวนของเงินคลิปโตที่จะมาซื้อขายกันในบล็อกเชน )

และเฟสบุ๊คยังบอกว่าผู้ที่จะเข้ามาร่วมในบล็อกเชนของเงินลิบรานี้ จะต้องเอาเงินเข้ามาลงทุนขั้นต้น เจ้าละ 10 ล้านดอลล่าร์ก่อน ที่จะทำให้เฟสบุ๊ค เป็นเหมือน “เจ้าตลาดที่กินค่าเช่าที่” ไปกินเงินฟรีๆ โดยอาศัยที่มีคนเดินเล่นในตลาดมากไปทั่วโลก ซึ่งเงินตัวนี้นี่เอง ที่จะเป็นเหมือนทองคำในธนาคารกลาง หรือ เงินกระดาษที่ธนาคารพานิชย์ในห้องนิรภัย เพื่อเป็นข้ออ้างอิงในการปล่อยกู้แก่คนทั่วโลก สร้างความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้า แล้วกินดอกเบี้ยในภายหลัง ทำให้เกิดข้อแตกต่างระหว่างบิตคอยล์กับลิบราของเฟสบุ๊คแล้วว่า “น่าเชื่อถือขึ้นกว่าเดิม”

โดยเปรียบเหมือนว่า ถ้ามีการซื้อขายทำธุรกรรมในตลาดเฟสบุ๊คนี้ ทั้งพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าผู้บริโภคต้อง “ซื้อคูปองหรือเงินลิบรา” ในการซื้ออาหารในตลาดสี่มุมเมือง และเมื่อจะออกจากตลาด ก็แลกเอา “คูปองลิบรา” นี้ไปแลกคืนกับเคาน์เตอร์ที่แลกในตอนจะเข้ามาซื้อขายอาหาร นี่คือระบบตลาดของเงินลิบราที่คิดกันไว้แบบนี้ ที่จะเรียกว่า “คาลิบรา”

และนอกจากผู้ประกอบการในนั้นแล้ว ใครก็ไม่สามารถจะเอาข้อมูลของลูกค้าในตลาดเฟสบุ๊คมาใช้ประโยชน์ได้ เอาเรื่องนี้มาปิดจุดอ่อนเรื่องที่อาจจะเอาข้อมูลลูกค้าในตลาดไปใช้ต่อ และเงินลิบราจะไม่ขึ้นกับการขุดเงินของพวกเงินคลิปโต และใน 5 ปี แรกยังต้องมี “ระบบหน่วยงานกลาง” ในการตรวจสอบการเข้าออกเพื่อถ่ายโอนทำธุรกรรมการเงิน ที่จะต่างจากบิตคอยล์ ที่ไม่มีใครควบคุมดูแลส่วนกลาง ที่ปั่นกันไปมาได้ จนฟองโตแบบไม่มีใครรู้เห็น

รหัสซอสโค้ดของเงินลิบรานั้น เขียนโดย Rust และเผยแพร่ภายใต้กฏหมาย Apache License พร้อมการเปิดตัวในวันที่ 18 มิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา

จากข้อมูลที่เฟสบุ๊คออกมานั้น เหมือนการเอาเงินลิบราไปผูกกับเงินในสกุลเงินหลักของโลก เหมือนในอดีตสมัยเบรนตันวู้ด ที่เงินสกุลเล็กทั่วโลกไปผูกกับเงินดอลล่าร์ แล้วดอลล่าร์ก็ผูกกับทองคำในราคา 25 ดอลล่าร์ต่อทองคำหนึ่งออนซ์อีกที

แต่ที่แย่กว่านั้น เงินลิบรา ยังไม่ได้หลุดออกจาก “ความเป็นทาสของระบบเงินเฟียส” เลย ยิ่งทำให้ระบบเงินเฟียส ที่พิมพ์เงินจากอากาศไม่มีทองคำ หรือ น้ำมันค้ำ มีทางออก หาทางรอดให้ได้ ทั้งๆที่กำลังจะจมน้ำตาย อยู่ในตอนนี้ ( ยกเว้นเงินหยวน ที่แม้จะเป็นเฟียสแต่ก็อิงกับทองคำและน้ำมันมากกว่า​ เพื่อป้องกันการผันผวน )

ดังนั้น ในช่วงนี้ ที่อะไรยังไม่ชัดเจนหรือรอบคอบ คนทั่วไปจึงไม่น่าจะไปบินไปให้เขาเอาไฟเผาปีกตัวเองเล่น โดยการเอาตัวออกห่างจากเงินลิบราของเฟสบุ๊ค อย่าไปหลงในกับดักของความทันสมัยในเรื่องเงินดิจิตัล ทั้งๆที่ตอนนี้สกุลเงินของแต่ละชาติก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีผ่านคิวอาร์โค้ชในสังคมไร้เงินสด โดยไม่มีความจำเป็นต้องผ่าน “เงินตัวกลาง” ในการแลกเป็นคูปองอีกทีให้ยุ่งยากวุ่นวายแต่อย่างใดเลย

หรือว่า "เงินลิบรา" อาจจะเป็นแค่ขบวนการลวงโลกที่จะหวังล่อลวง "เงินออมของทั่วโลก" ที่ไม่ไว้ใจระบบธนาคารที่ไร้ทองคำค้ำ ระบบตลาดหลักทรัพย์ที่ปั่นกันมากกว่าจะลงทุนจริง ให้เข้ามาเทเงินเข้ากระเป๋าพวกเขาเอาไปถลุงเล่น หรือเอามาเพื่อต่อลมหายใจของเงินดอลล่าร์เจ้าพ่อการเงินโลกก็เป็นได้​

https://en.wikipedia.org/wiki/Libra_(cryptocurrency)

0 Share