เปิดแผนร่วมมือ 3 ชาติ คู่ค้า-คู่แค้นสหรัฐ :

ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ วุ่นวายอยู่กับ การเปิดศึกรอบด้านกับประเทศคู่ค้าหลายแห่ง อยู่นั้น จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย ต่างหันหน้า หารือเพื่อทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและการทหารระหว่างกัน โดยเฉพาะ คู่จีนและรัสเซีย มีความร่วมมือกันทั้ง ในด้านการค้า การลงทุนและการทหาร ที่โดดเด่นมาก

เริ่มจากการค้า การลงทุน นักธุรกิจจีน และรัสเซีย กำลังพิจารณาร่วมลงทุนใน โครงการต่างๆ จำนวน 73 โครงการ มูลค่า รวมมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งโครงการ จำนวน 7 โครงการจาก73 โครงการ คิดเป็น มูลค่า 4,600 ล้านดอลลาร์ได้มีการ ดำเนินการแล้ว

คณะกรรมการดังกล่าว ซึ่งรวมถึง นักธุรกิจจำนวนกว่า 150 คนจากบริษัทชั้นนำ ของจีนและรัสเซีย ได้จัดการประชุมประจำปี ขึ้นในสัปดาห์นี้ ในระหว่างการประชุม เศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออกที่จัดขึ้นที่เมือง วลาดิวอสต็อคของรัสเซีย ซึ่งประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน กล่าวในงานว่า จีนและ รัสเซีย ควรร่วมมือกันต่อต้านการกีดกัน ทางการค้า และลัทธิการดำเนินการ แต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการ กล่าวโจมตีที่เล็งเป้าไปที่นโยบาย ของสหรัฐ แม้สีจะไม่ได้ระบุถึงสหรัฐ ก็ตาม

"ในสถานการณ์ระหว่างประเทศ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลาง ภาวะไร้เสถียรภาพ และคาดการณ์ไม่ได้ ความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับจีนจึงมี ความสำคัญมากขึ้น" ปธน.สี กล่าว

การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับรัสเซียมีขึ้น ท่ามกลางความสัมพันธ์ ที่ตึงเครียดของทั้ง 2 ประเทศกับสหรัฐ ขณะที่สหรัฐ กำลังทำสงครามการค้ากับจีน และคว่ำบาตรรัสเซียร่วมกับชาติตะวันตก

จีน ไม่ได้เดินหน้ากระชับสัมพันธ์กับ รัสเซียชาติเดียว แต่ยังมีแผนดึงญี่ปุ่น ที่ถือเป็นคู่ค้าที่สหรัฐจ้องจะเล่นงาน ด้วยมาตรการภาษีด้วยเหมือนกัน มาเป็นหุ้นส่วนทางการค้าด้วย โดย "ชินโซ อาเบะ" นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีสี เห็นพ้องร่วมกันว่าจะหารือร่วมกันที่กรุงปักกิ่ง ในเดือนหน้า ซึ่งตรงกับช่วงที่ทั้ง 2 ประเทศ จะฉลองครบรอบ 40 ปี แห่งสนธิสัญญา สันติภาพและมิตรภาพระดับทวิภาคีพอดี

หากการเดินทางเยือนเป็นไปตามแผนการ ที่วางไว้ จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2554 ที่นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เดินทางเยือนจีน ยกเว้นการเดินทางไปร่วม ประชุมนานาชาตินอกจากนี้ สีและอาเบะ ซึ่งพบปะกันนอกรอบการประชุมเศรษฐกิจ ในภูมิภาคที่จัดขึ้นที่เมืองวลาดิวอสต็อค ของรัสเซีย ยังยืนยันว่าจะร่วมมือกัน อย่างใกล้ชิดในการผลักดันให้เกาหลีเหนือ ปลดอาวุธนิวเคลียร์

นอกจากจะร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ร่วมกันแล้ว กองกำลังทหารของรัสเซีย จีนและมองโกเลีย ยังทำการซ้อมรบร่วม ครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย บริเวณตะวันออก ของแคว้นไซบีเรียด้วย ซึ่งการซ้อมรบร่วมครั้งนี้ ใช้ชื่อรหัสว่า Vostok 2018 นาน 1 สัปดาห์เต็ม และเป็นการซ้อมรบร่วมที่เกิดขึ้น ในขณะที่รัสเซีย กำลังมีความตึงเครียดกับ ชาติตะวันตกที่กล่าวหารัสเซียว่า แทรกแซง กิจการภายใน รวมทั้งมีปัญหาขัดแย้ง ทางภาคตะวันออกของยูเครนและในซีเรีย

สื่อต่างประเทศรายงาน อ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐจะลงนามในคำสั่ง ฝ่ายบริหาร เพื่อใช้สิทธิอำนาจในการ คว่ำบาตรบุคลากรและบริษัทต่างชาติ ที่แทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐ ซึ่งการใช้อำนาจในการคว่ำบาตรดังกล่าว ถือเป็นความพยายามล่าสุดของคณะทำงาน ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการคลี่คลาย ความวิตกกังวลหลังจากหน่วยข่าวกรอง ของสหรัฐ ระบุว่า รัสเซียพยายามเข้า แทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐในปีนี้ หลังจากที่เคยแทรกแซงการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559

การซ้อมรบครั้งนี้ถือว่าใหญ่ที่สุด เพราะใช้ทหารเข้าร่วมประมาณ 300,000 นาย ยานพาหนะของกองทัพ 36,000 คัน เครื่องบิน 1,000 ลำ และเรือรบ 80 ลำ ใหญ่กว่าการซ้อมรบภายใต้รหัส Zapad-81 เมื่อปี 2524 ซึ่งเป็นการซ้อมรบขนาดใหญ่ ที่สุดในยุคสหภาพโซเวียต เพราะมีทหาร เข้าร่วมกว่า 100,000 คน

อย่างไรก็ตาม การที่จีนส่งทหาร เข้าร่วมในการซ้อมรบของรัสเซียที่จัดขึ้น เป็นประจำทุก 4 ปี ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคย เกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าจำนวนทหารและอาวุธ ที่จีนส่งไปจะมีจำนวนไม่มาก

ขณะที่บรรดาประเทศแถบทะเลบอลติก เตรียมพร้อมทางการทหารอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่รัสเซียควบรวมแคว้นไครเมีย เมื่อ 4 ปีก่อน และเมื่อไม่นานนี้ ทหารของสหรัฐ ยูเครน และขององค์การสนธิสัญญา ป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) รวม 2,200 คน ได้ร่วมซ้อมรบทางภาคตะวันตก ของยูเครน

ก่อนหน้าที่จีนและรัสเซียจะร่วม ซ้อมรบครั้งล่าสุดนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซีย ก็เพิ่งจัดการซ้อมรบในแถบ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยใช้เรือรบ เข้าร่วมประมาณ 30 ลำ และเครื่องบิน 30 ลำ

นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า การที่จีน ร่วมซ้อมรบกับรัสเซีย บ่งชี้ว่า จีนและ รัสเซียไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายเป็นภัยคุกคาม ทางการทหารอีกต่อไป แถมยังเป็นการ ส่งสัญญาณไปยังกรุงวอชิงตันว่า หากสหรัฐ ยังคงเดินหน้ากดดันและเพิ่มมาตรการ ลงโทษรัสเซียต่อไป รัสเซียก็จะยิ่งกระชับ สัมพันธ์กับจีนมากขึ้น ซึ่งจะไม่เป็นผลดี ต่อสหรัฐ ที่ถือว่าจีนเป็นคู่แข่งสำคัญ ทางยุทธศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 21

Source: กรุงเทพธุรกิจ

0 Share