สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนตลอดปี 2561 ขยายตัว 6.6% ถือเป็นการชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนออกรายงานเมื่อวันจันทร์ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสที่ 4 หรือไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ขยายตัวที่อัตรา 6.4% แม้ลดลง 0.1% จากไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกันซึ่งจีดีพีเติบโตที่อัตรา 6.5% แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเมื่อคำนวณรวมอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศตลอดทั้งปีที่แล้วปรากฏว่าขยายตัวที่ระดับ 6.6% ลดลง 0.1% จากสถิติของปี 2560 ซึ่งจีดีพีเติบโตที่ระดับ 6.7% ขณะเดียวกันยังถือเป็นการชะลอตัวของจีดีพีมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 ซึ่งเศรษฐกิจของจีนในตอนนั้นขยายตัวที่ระดับเพียง 3.9% โดยผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าเป็นสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงทางการเมืองที่จัตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งเกิดขึ้น 1 ปีก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบรรยากาศทางเศรษฐกิจของจีนเผชิญกับแรงเสียดทานอย่างหนักจากภายนอก นั่นคือกรณีพิพาททางการค้ากับสหรัฐที่ลุกลามให้กลายเป็นปัญหาระหว่างจีนกับประเทศพันธมิตรของรัฐบาลวอชิงตันอีกหลายประเทศ โดยสถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุดเมื่อปีที่แล้ว จากการที่สหรัฐและจีนต่างกำหนดแลพเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าสำคัญตอบโต้กัน จนกระทั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เห็นชอบร่วมกันระหว่างการหารือนอกรอบการประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 แห่ง "จี20" ที่กรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา "สงบศึกการค้า 90 วัน" ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ปีที่แล้ว.
Source: เดลินิวส์ออนไลน์