“เฟด” ยุติการเข้มงวดนโยบายเงินอย่างฉับพลัน ยกเลิกเป้าหมายที่จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ท่ามกลางสัญญาณที่ชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง และจะหยุดลดงบดุลในเดือนกันยายนนี้ มีการมองในขณะนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะพุ่งสูงสุดที่ 2.6% ในปีหน้า
แต่ยังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในอดีตประมาณ 1% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซามากขึ้น
มาตรการที่ได้ประกาศหลังการประชุมในวันที่ 19-20 มีนาคม หมายถึงว่าความพยายามของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะนำนโยบายเงินกลับสู่ภาวะปกติให้มากขึ้น จะหยุดลงก่อนเวลาที่เฟดได้คาดการณ์ไว้เมื่อปลายปี 2558 เมื่อเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกจากระดับศูนย์เปอร์เซ็นต์
หลังจากที่ได้ประมาณการเงินเฟ้อ การว่างงานและการเติบโตของสหรัฐฯ คณะกรรมการนโยบายเงินของเฟดกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานชั่วข้ามคืน (fed funds rate) น่าจะยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบันซึ่งอยู่ระหว่าง 2.25%-2.50% ไปจนตลอดปีนี้เป็นอย่างน้อย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มทั้งหมด มีการมองในขณะนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยกำลังจะพุ่งสูงสุดที่ 2.6% ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงใดช่วงหนึ่งของปี 2563 โดยจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในอดีตประมาณ 1% และเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ยุคซบเซามากขึ้นแล้ว
คณะกรรมการนโยบายเงินไม่ได้มองอีกต่อไปว่ามีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอยู่ในระดับ “จำกัด” เพื่อเป็นการป้องกันเงินเฟ้อซึ่งยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ที่เฟดได้ตั้งไว้ ซึ่งถือว่าตรงข้ามกับการคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ตลอดปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังได้กล่าวว่า จะเริ่มชะลอการลดสินทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 50,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และหยุดลดสินทรัพย์ทั้งหมดในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นการยุติการเข้มงวดนโยบายเงินรอบที่สองที่เฟดได้ทำในฉากหลังมานับตั้งแต่ปลายปี 2560 ในแง่ของอัตราดอกเบี้ย การตั้งเป้าหมายใหม่ของเฟดได้ทำให้จำนวนการขึ้นดอกเบี้ยที่คาดไว้สำหรับปีนี้จะลดลงเหลือศูนย์ จากที่เมื่อเดือนธันวาคม คาดการณ์ว่าจะขึ้นสองครั้ง ซึ่งถือเป็นการดำเนินนโยบายอย่างก้าวร้าวน้อยลงโดยสิ้นเชิงเนื่องจากมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
คณะกรรมการนโยบายเงินอย่างน้อย 9 ใน 17 คน ลดแนวโน้มดอกเบี้ย เฟด ฟันด์ เรตลง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก
เจอร์โรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวหลังการประชุมนโยบายว่า อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่แนวโน้มงานและเงินเฟ้อจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
คณะกรรมการนโยบายเงินได้ออกแถลงการณ์ในวันพุธว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะยังคงมีตลาดแรงงานที่มีความแข็งแกร่งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี มีความสงสัยมากขึ้น โดยการลงทุนของธุรกิจและการใช้จ่ายของครัวเรือนลดลงในช่วงต้นปี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าการเติบโตที่เกิดขึ้นในปี 2561 เพราะมาตรการลดภาษีและการใช้จ่ายของรัฐบาล ได้ยุติลงก่อนเวลา การคาดการณ์เศรษฐกิจที่เฟดได้เปิดเผยเมื่อวันพุธ ชี้ว่า คณะกรรมการนโยบายเงินโดยเฉลี่ยมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโตเพียง 2.1% ในปี 2562 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์เมื่อปี 2561 ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เต็ม และยังต่ำกว่าที่คณะบริหารของทรัมป์ยืนยัน
มุมมองดอกเบี้ยใหม่ของเฟดนี้สอดคล้องกับนักลงทุนที่ได้โต้แย้งว่าธนาคารกลางสหรัฐจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้และยังสอดคล้องกับการโจมตีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยเป็นอันตรายต่อการฟื้นตัว แม้ว่าเป็นเหตุผลที่สร้างความอึดอัดใจเพราะ เฟดไม่เห็นว่านโยบายของเขามีผลกระทบต่อการเติบโตเป็นเวลานาน ตราสารดอกเบี้ยเฟด ฟันด์ เริ่มคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยภายในปีหน้าหลังจากที่เฟดได้แถลงนโยบายและเปิดเผยประมาณการ
พาวเวลล์ ได้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังดีและมีแนวโน้มเป็นบวก แต่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีน และแม้แต่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเฟดกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปรับตัวขึ้นหลังเฟดออกแถลงการณ์ ก่อนที่จะอ่อนตัวลงในเวลาต่อมา และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ส่วนดอลลาร์อ่อนตัวลงในวงกว้างเมื่อเทียบกับสกุลเงินของคู่ค้าใหญ่ ๆ
การคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ชี้ว่าทุกด้านซบเซาลงเมื่อเทียบกับประมาณการของเฟดเมื่อเดือนธันวาคม และนอกจากการเติบโตชะลอตัวลงแล้ว มีการคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานของปีนี้จะอยู่ที่ 3.7% ซึ่งสูงกว่าประมาณการเมื่อสามเดือนก่อนเล็กน้อย ส่วนเงินเฟ้อมีการมองในขณะนี้ว่าจะอยู่ที่ 1.8% จากที่ประมาณการไว้ 1.9% ในเดือนธันวาคม
เฟดกล่าวว่า กิจกรรมเศรษฐกิจ โตลดลงจากไตรมาสสี่ ดัชนีหลาย ๆ ตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ว่าการใช้จ่ายของครัวเรือนและการลงทุนคงที่ของธุรกิจในช่วงไตรมาสหนึ่งจะโตลดลง และเงินเฟ้อโดยรวมได้ลดลง
Source: ข่าวหุ้น
- Instant View: Steady Fed sees no more hikes in 2019 :https://www.reuters.com/…/instant-view-steady-fed-sees-no-m…