ปัจจุบัน มูลค่ากลับเหลือเพียง 6,577 ดอลลาร์เท่านั้น
หายไปกว่า 68% ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี...
เกิดอะไรขึ้นกันแน่??
ช่วงสัปดาห์นี้ สื่อต่างชาติหลายแห่งลงข่าวการตกลงอย่างหนักของ "ตลาดเงินคริปโต"
นอกจากพี่ใหญ่อย่างบิตคอยน์ ซึ่งลดลงไป 68% อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว...
เงินคริปโตอันดับสอง "อีเธอเรียม" ยังติดอันดับมูลค่าลดลงมากที่สุด
จาก 1,389 ดอลลาร์ช่วงปลายปีก่อน เหลือเพียง 219 ดอลลาร์
หายไปกว่า 85%
ทางด้านมูลค่าตลาดของเงินคริปโตรวมกัน จากมูลค่ารวมอยู่ที่ 832,000 ล้านดอลลาร์
จนกระทั่งปัจจุบัน มูลค่ารวมลดลงต่ำกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์แล้ว
หากคิดมูลค่าตลาดรวม จะหายไปกว่า 632,000 ล้านดอลลาร์
คิดเป็นเงินไทย 20 ล้านล้านบาท!!
(ให้เห็นภาพมากขึ้น ก็ต้องบอกว่ามูลค่าที่สูญไปนั้น มากกว่าจีดีพีของประเทศไทยทั้งประเทศ)
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดเงินคริปโตในปี 2017 นั้นถูกขับเคลื่อนด้วยความคาดหวังอย่างหนึ่ง
นั่นคือความหวังว่าเงินคริปโตจะกลายมาเป็นสกุลหลักที่ได้รับการยอมรับ ใช้จ่ายได้อย่างแพร่หลาย และมีความปลอดภัยสูง
ตัวอย่างของบิตคอยน์ ซึ่งขึ้นจากราวๆ 1,000 ดอลลาร์ตอนเดือนมกราคม
ไปสูง 19,500 ในช่วงเดือนธันวาคม เปลี่ยนแปลงไป 19 เท่า!!
เท่ากับว่าคุณซื้อบิตคอยน์ตอนต้นปีจำนวน 1,000,000 บาท แล้วไปขายปลายปีจะมีเงิน 19 ล้านบาททันที
ถ้าคุณไม่ยอมขายทิ้งตอนนั้น...
ตอนนี้จากมูลค่า 19 ล้านบาท ปัจจุบันจะเหลืออยู่ประมาณ 6 ล้านบาท
บางคนอาจจะมองว่าก็มากกว่าช่วงต้นปีก่อนอยู่ดี ซึ่งก็คิดแบบนั้นได้...
แต่ในอีกมุม
ถ้าคุณซื้อเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยเงิน 1,000,000 บาทเช่นกัน
วันนี้เงินล้านของคุณ จะมีค่าเหลือเพียง 320,000 บาทเท่านั้นเอง!!
"การลดลงของคริปโต vs วิกฤตฟองสบู่ดอทคอม"
การสูญมูลค่าของเงินคริปโตซึ่งลดลงรวมกันถึง 80% นี้
ถูกนำไปเปรียบเทียบกับวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 ซึ่งตอนนั้นตลาดปรับตัวลดลงไปถึง 75%
เงินคริปโตได้รับการคาดหมายว่าจะกลายมาเป็นสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนในยุคดิจิตอล
ถึงขั้นที่ว่าจะกลายเป็น "เงินสกุลใหม่" ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในอนาคต
สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้หรือไม่... การตกลงในครั้งนี้จะเป็นอีกบทพิสูจน์สำคัญ
เฉกเช่นเดียวกับการแตกของฟองสบู่ดอทคอมเมื่อปี 2000
ธุรกิจทางด้านอินเตอร์เน็ตที่ผุดเป็นดอกเห็ดตอนนั้น ต่างก็ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
ยกตัวอย่างเช่น Pets.com, eToys.com, Flooz.com ถ้าหากเอ่ยชื่อไปคุณอาจจะไม่รู้จัก
เพราะตัวอย่างที่ยกมานี้เป็นธุรกิจที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ในวิกฤตครั้งดังกล่าว
เหลือเอาไว้แต่ "ตัวจริง" ที่ทำธุรกิจต่อไปได้ ประคับประคองให้ผ่านวิกฤต จนก้าวมาเป็นบริษัทระดับโลก
ไม่ว่าจะเป็น Amazon, eBay หรือกระทั่ง Priceline.com (บริษัทจองโรงแรม Booking ในปัจจุบัน)
หลังจากนั้นผ่านไปแล้วเกือบ 20 ปี ในยุคปัจจุบัน ต่างก็มีธุรกิจด้านไอทีเข้าสู่ตลาดหุ้นมากมาย
ตลาดหุ้นอเมริกาที่เคย "เห่อ" กับธุรกิจอินเตอร์เน็ตในช่วงก่อนวิกฤตฟองสบู่ ก็มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจด้านนี้มากขึ้น
บริษัทระดับท็อป 10 ของโลกในตลาดหุ้น ก็มีบริษัทด้านไอทีอยู่ถึง 7 แห่ง
Apple, Amazon, Alphabet(Google), Microsoft, Alibaba, Facebook และ Tencent
บริษัทเหล่านี้คือตัวจริง ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลกมากขึ้นกว่าหลายบริษัทในยุคฟองสบู่ดอทคอม
เมื่อเอาวิกฤตฟองสบู่ดอทคอม หันมาเทียบกับการสูญมูลค่าของตลาดคริปโต
ปัจจุบันตลาดมันเป็นฟองสบู่หรือไม่??
บางคนบอกว่าเป็นฟองสบู่.. แต่บางคนมองว่าเป็นมูลค่าที่แท้จริง ต่างคนก็ต่างความคิด
เพราะการมองไม่เหมือนกัน ทำให้ราคามันขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา
แต่สุดท้ายตลาดจะเป็นผู้ตัดสินเองว่ามูลค่าที่แท้จริงของมันควรอยู่ตรงจุดไหน เหมือนทุกๆ วิกฤตที่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้
คุณเองคิดว่าอย่างไรครับ...?
----------------------------------------------------------------------
Cr.Billionair
ที่มา:
https://www.bloomberg.com/…/crypto-s-crash-just-surpassed-d…
https://economictimes.indiatimes.com/…/article…/65786576.cms
https://www.blognone.com/node/105234
https://www.statista.com/…/top-companies-in-the-world-by-m…/
https://www.agrud.com/…/us-equiti…/nasdaq-largest-market-cap