รองประธานหัวเว่ยขึ้นศาลนัดแรก คาดคดียืดเยื้อหลายปี ด้านญี่ปุ่นเล็งห้ามหน่วยงานภาครัฐจัดซื้ออุปกรณ์หัวเว่ย
คดีการจับกุม "เมิ่งหว่านโจว" รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ มีแนวโน้มยืดเยื้อนานหลายปี หลังเมิ่งได้ขึ้นศาลครั้งแรก ที่ศาลสูงของรัฐบริติช โคลัมเบีย วานนี้ในแคนาดานับตั้งแต่การจับกุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยศาลจะพิจารณาเรื่องการขอประกันตัวและการส่งตัวไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นฝ่ายขอให้ทางการแคนาดาจับกุม หลังการสอบสวนหัวเว่ยเรื่องการฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
ทั้งนี้ รายละเอียดของการขึ้นศาลครั้งแรกของเมิ่งยังไม่ปรากฏมากนัก โดยกระทรวงยุติธรรมแคนาดา ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดของคดีนี้ แต่ในเบื้องต้นนั้น รอยเตอร์สรายงานอ้างจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ว่า ทนายของเมิ่งอาจจะอ้างว่าเมิ่งอาจเผชิญความเสี่ยงหากส่งตัวไปสหรัฐ และควรให้อยู่ในสถานที่คุมขังต่อไป
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า คดีของเมิ่งคาดว่าจะใช้เวลานานมาก โดยแกรี บอตติง ทนายความในแวนคูเวอร์ ซึ่งมีประสบการณ์ทำคดีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เปิดเผยว่า หากศาลแคนาดายอมให้ประกันตัว วงเงินประกันตัวของเมิ่งจะสูงถึงหลักหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจต้องถูกระงับพาสปอร์ตด้วย เช่นเดียวนักกฎหมายอีกหลายคน ที่ระบุว่า เมิ่งอาจถูกติดอุปกรณ์ติดตามตัวไว้ เพื่อติดตามตัวระหว่างรอการตัดสินเรื่องการส่งตัวข้ามแดน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากเมิ่งขอคัดค้านการส่งตัวข้ามแดน คดีอาจ จะยืดเยื้อไปหลายปี เช่น กรณีของ ไล่ฉางซิ่ง นักธุรกิจจีน ที่หนีไปแคนาดา หลังคัดค้านการส่งตัวไปจีนเป็นเวลา 12 ปี แต่ถ้าเมิ่งไม่คัดค้านการส่งตัวข้ามแดน เมิ่งก็จะถูกส่งไปสหรัฐภายในไม่กี่สัปดาห์
ด้านโกลบอลไทมส์ หนังสือพิมพ์ของทางการจีน ระบุว่า คำขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของสหรัฐนับว่าเป็นการกระทำที่อันธพาล และเป็นการกระทำที่มุ่งสกัดการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน ซึ่งอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติ
ขณะที่ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว สหรัฐ เปิดเผยว่า รู้ล่วงหน้าแล้วว่าสหรัฐขอให้แคนาดาจับกุมเมิ่ง แต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด แห่งแคนาดา ที่ยืนยันว่าการจับกุมไม่ได้มีเหตุผลด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
นอกจากนี้ โบลตัน ระบุว่า สหรัฐกังวลเรื่องแนวทางการปฏิบัติของเอกชนจีน เรื่องการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐมานานแล้ว ทั้งยังกังวลเรื่องเอกชนจีนอาจอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลจีนด้วย ซึ่งหัวเว่ยเป็นหนึ่งในบริษัทที่สหรัฐกังวล
หลายชาติสกัดหัวเว่ย
ขณะเดียวกัน การจับกุมเมิ่งยังเกิดขึ้นขณะที่หลายชาติที่ต่อต้านหัวเว่ย โดยล่าสุด รอยเตอร์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนห้ามหน่วยงานภาครัฐจัดซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจาก หัวเว่ยและแซดทีอี โดยอาจจะทบทวนกฎเรื่องกระบวนการจัดซื้อในวันจันทร์หน้า
ด้านนิกเกอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า ญี่ปุ่นจะออกแนวทางเรื่องการจัดซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมของกระทรวงต่างๆ และกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหล นับเป็นการออกแนวทางเตือนครั้งแรกของญี่ปุ่น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีหน้า ซึ่งคาดว่าเป็นการมุ่งเป้าไปที่หัวเว่ยและแซดทีอี ยักษ์โทรคมนาคมจีนโดยเฉพาะ แม้ไม่มีการเจาะจงชื่อบริษัท
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นจะเป็นอีกชาติที่ตามรอยสหรัฐ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่กีดกันหัวเว่ยเข้าร่วมเครือข่าย 5จี ก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ เช่นเดียวกับอังกฤษ ซึ่งบีทีบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ ระบุว่า จะเลิกใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย ในเครือข่าย 3จี และ 4จี อีกทั้งจะไม่ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยเป็นส่วนประกอบหลักของเครือข่าย 5จี
สำหรับกรณีของอังกฤษ ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า หัวเว่ย ยอมตกลงทำตามคำขอจากศูนย์ความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติอังกฤษ (เอ็นซีเอสซี) ที่เรียกร้องให้หัวเว่ยเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติในอังกฤษ เพื่อให้ หัวเว่ยมีโอกาสเข้าร่วมเครือข่าย 5จี ของอังกฤษในอนาคต
เสี่ยงกระทบฝันจีนผงาด 5จี
การจับกุมเมิ่ง ด้วยข้อกล่าวหาว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน อาจทำให้วอชิงตัน ดี.ซี.ออกมาตรการคว่ำบาตรหัวเว่ย เหมือนกับกรณีของ แซดทีอี ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแซดทีอี
นิกเกอิ เอเชียน รีวิว รายงาน ว่า ผลกระทบของการแบนหัวเว่ยอาจ รุนแรงกว่ากรณีของแซดทีอีมาก เนื่องจาก หัวเว่ยเป็นบริษัทรายใหญ่ของโลก และเป็นเอกชนระดับหัวแถวในยุทธศาสตร์ "เมด อิน ไชน่า 2025" ทั้งยังถือว่าเป็นผู้นำในการพัฒนาเครือข่าย 5จี ของโลก โดยมีข้อตกลงร่วมลงทุนกับระบบ 5จี ทั้งหมด 23 ฉบับ ซึ่งถ้าหากหัวเว่ยถูกตัดออกจากการซื้อชิ้นส่วนสำคัญจากซัพพลายเออร์ บริษัทอาจจะต้องพักการผลิตและอาจนำมาสู่ผลกระทบอย่างรุนแรง
หูเจียหมิง นักวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษา แคปปิตอล ซีเคียวริตีส์ ในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า หัวเว่ยยังต้องพึ่งซัพพลายเออร์สหรัฐในการทำธุรกิจ เหมือนกับแซดทีอี และการหาซัพพลายเออร์กลุ่มใหม่อาจจะสร้างความปั่นป่วนให้กับซัพพลายเชน และธุรกิจโดยรวมของหัวเว่ย แม้ว่าหัวเว่ยอาจจะมีกลุ่มซัพพลายเออร์สำรองอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า หัวเว่ยได้ส่งจดหมายแจ้งซัพพลายเออร์ทั่วโลกว่า การจับกุมเมิ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ระหว่างหัวเว่ยและซัพพลายเออร์ ไม่ว่า ผลของการจับกุมเมิ่งจะออกมาเป็น อย่างไร
โดย ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
Source: Posttoday
ติดตามข่าวสารการเงิน เศรษฐกิจรอบโลกได้ที่ คลิ๊ก
เข้ากลุ่มนักเทรดใน Facebook คลื๊ก นี้
สนใจเรียนรู้การเป็นTrader กับกูรู คลิ๊ก