libra

ในที่สุด เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก Facebook, Inc. ก็มาตามนัดเขย่าโลกการเงินดิจิทัลสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วทั้งโลก โดยโชว์สกุลเงินดิจิทัล Libra เป็นสกุลเงินใหม่ของโลกในปีหน้า

ก่อให้เกิดปฏิกิริยาร้อนแรงทั้งทางลบและบวก แม้แต่ทางการสหรัฐฯ ยังขอให้ระงับแผนนี้ไว้ก่อนจนกว่าผู้บริหารเฟซบุ๊กจะมาชี้แจงแผนการดังกล่าวต่อสภาคองเกรส หวั่นกระทบความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

นับเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงที่สุดของ เฟซบุ๊กในธุรกิจอื่นที่นอกจากธุรกิจโฆษณาดิจิทัล ที่ทำเอาวงการโฆษณาสะเทือนกันถ้วนหน้าด้วยพลังดูดของเฟซบุ๊ก มาแล้ว คราวนี้ เฟซบุ๊ก เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลใหม่ในชื่อ Libra โดยระบุต้องการให้สกุลเงินนี้เริ่มให้บริการในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า (ค.ศ.2020) และเชื่อว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 2 พันล้านคน จะใช้สกุลเงินใหม่นี้ซื้อสินค้าหรือส่งเงินไปต่างประเทศ

ดันเต้ ดิสพาร์เต้ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและการสื่อสาร สมาคม Libra Association กลุ่มองค์กรไม่แสวงหากำไร องค์กรใหม่ตั้งอยู่ในเจนีวา ซึ่งจะทำหน้าที่หลักในการดูแลสกุลเงิน Libra เชื่อว่า สกุลเงิน Libra จะมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นการนำสกุลเงินดิจิทัลเวอร์ชันใช้ง่ายผ่าน สมาร์ทโฟนทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนสามารถโอนเงิน สร้างเครดิต และชำระค่าใช้จ่ายได้ง่ายด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำ

การเปิดตัวของ Libra สกุลเงินใหม่ของโลก ตามเนื้อหาใน White Paper ความยาว 12 หน้าของ เฟซบุ๊ก อิงค์. สรุปรวมความได้ว่า การก้าวเข้าสู่โลกสกุลเงินดิจิทัลของเฟซบุ๊ก เริ่มจากการมองปัญหาของโลกในเวลานี้ว่าผู้คนทั่วโลก 1.7 พันล้านคน ยังไม่เข้าถึงธนาคารในระบบการเงินแบบดั้งเดิม ในขณะที่ผู้คนเข้าถึงสมาร์ทโฟนมีจำนวนมากกว่าเสียอีก ขณะที่ต้นทุนในการเข้าถึงบริการทางการเงินในเวลานี้ค่อนข้างสูง ทั้งค่าธรรมเนียน ค่าโอน ค่าบัตรเอทีเอ็ม

การตัดสินใจของเจ้าพ่อเฟซบุ๊กครั้งนี้ ยังจับจังหวะเวลาที่เทคโนโลยีบล็อกเชนมีความก้าวหน้า และมั่นใจได้ว่าไม่มีใครคนใดคนหนึ่งสามารถมีอำนาจควบคุมระบบทั้งหมด

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความผันผวนและการเข้าไม่ถึงผู้คนจำนวนมาก ทำให้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนได้ รวมไปถึงปัญหาที่สำคัญคือบางสกุลเงินมีจุดมุ่งหมายที่หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ทำให้เกิดปัญหาการฟอกเงิน เป็นจุดเสี่ยงของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่ง Libra เชื่อว่า การร่วมมือกับหลายหน่วยงานในการตรวจสอบ จะทำให้ระบบมีความยั่งยืน และสามารถเชื่อมต่อกับระบบการเงินทั่วโลกได้

สำหรับหน่วยของสกุลเงิน Libra จะไม่เหมือนกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ตรงที่ Libra จะเน้นเป้าหมายของการถือครองเงินสกุลนี้ระดับพันล้านคน แม้จะเป็นเงินสกุลดิจิทัลเหมือนกับบิตคอยน์ แต่ Libra มีความแตกต่างคือ มีหน่วยงานกลางคอยดูแล และมูลค่าของเงินดิจิทัล Libra จะผูกติดอยู่กับสินทรัพย์อื่น

เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก และเครือข่ายพันธมิตร วางเป้าความสำเร็จของเงินดิจิทัลสกุล Libra เอาไว้ โดยวางอยู่บนเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้คือ หนึ่ง Libra จะสร้างอยู่บนบล็อกเชนที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และสามารถรองรับผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากระดับพันล้านคนได้ สอง Libra จะถูกค้ำโดยเงินสำรอง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่จริงโดยไม่ได้อิงจากเงินเพียงสกุลเดียว แต่เป็นตะกร้าของสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก เช่น เงินฝากธนาคาร และพันธบัตรรัฐบาล เพื่อทำให้เกิดมูลค่าในตัวมันเอง

และ สาม การใช้จ่ายเงินสกุลดิจิทัล Libra มีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานอิสระชื่อ Libra Association ซึ่งมีพันธมิตรจากหลายกลุ่มธุรกิจมาร่วมกันในเบื้องต้น 28 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีองค์กรใหญ่ด้านบริการชำระเงิน เช่น วีซ่า, มาสเตอร์การ์ด รวมถึงบริษัทอินเทอร์เน็ตชื่อดัง อย่าง อีเบย์ (eBay), Facebook/ Calibra สปอติฟาย (Spotify AB) และอูเบอร์ (Uber Technologies)

สมาคม Libra ต้องการเพิ่มจำนวนพันธมิตรให้ถึงระดับ 100 องค์กร ก่อนที่สกุลเงินดิจิทัล Libra จะเปิดตัว โดยในเอกสารยืนยันว่า พันธมิตรแต่ละรายจะมีอำนาจการโหวตเท่ากัน แม้ว่าเฟซบุ๊กจะรักษาบทบาทความเป็นผู้นำในสกุลเงินนี้ก็ตาม

ในการดำเนินโครงการ ซึ่งเฟซบุ๊กจะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ผ่านบริษัทลูกชื่อ Calibra โดยให้บริการจะเริ่มจากการโอนเงิน Libra ในสมาร์ทโฟน ผ่านแอปพลิ เคชัน WhatsApp และ Messenger ไม่ต่างจากที่เราส่งรูปหรือข้อความในนั้น และปีต่อไปจะมีแอปพลิเคชันแยกต่างหากชื่อ Calibra

แอปพลิเคชัน Calibra จะกลายไปเป็นกระเป๋าเงินของคนทั้งโลก โดยแยกข้อมูลด้านการเงิน และบัญชีผู้ใช้โซเชียลฯ ออกจากกัน นั่นหมายความว่าถ้าบัญชีโซเชียลฯ ถูกขโมย หรือถูกแบน ไม่ได้แปลว่ากระเป๋าเงินของเราจะหายไปด้วย และที่สำคัญคือ Calibra จะถูกกำกับดูแลไม่ต่างจากสถาบันการเงินอื่นๆ

Source: ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 องศา
https://mgronline.com/daily/detail/9620000059166

เพิ่มเติม
- What could possibly go wrong with Facebook’s Libra?
https://qz.com/…/facebooks-libra-could-roil-central-banks-…/

0 Share