“ทรัมป์” เรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 1% และสนับสนุนนโยบายคิวอีอีก พร้อมเปรียบเทียบเฟดกับธนาคารกลางจีน ชี้หากนโยบายเงินสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง เศรษฐกิจจะพุ่งเหมือนจรวด
อย่างไรก็ดีผู้ที่จับตาเฟดเชื่อว่าเฟดคงจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันที่ 1 พ.ค.
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเป็นสองส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยได้เปรียบเทียบธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กับธนาคารกลางจีนและกล่าวว่าหากนโยบายเงินในสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง เศรษฐกิจจะพุ่งขึ้นเหมือนจรวด
ในทวิตเตอร์แรก ทรัมป์ กล่าวว่า “จีนกำลังเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ในขณะเดียวกันก็รักษาอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำไว้ แต่ธนาคารกลางสหรัฐได้ขึ้นดอกเบี้ยไม่หยุดหย่อนแม้ว่าเงินเฟ้อต่ำมาก และจัดยาเข้มงวดเชิงปริมาณชุดใหญ่มาก เรามีศักยภาพที่จะไปได้”
ส่วนในทวิตเตอร์ส่วนที่สอง ทรัมป์ กล่าวว่า “จะเหมือนกับจรวดหากเราลดอัตราดอกเบี้ยลงระดับหนึ่ง เช่น 1% และผ่อนคลายเชิงปริมาณในระดับหนึ่ง จีดีพีกำลังดีมากที่ 3.2% แต่ด้วยเงินเฟ้อที่ต่ำอย่างน่าอัศจรรย์ เราสามารถสร้างสถิติสำคัญได้ และในขณะเดียวกันเราสามารถทำให้หนี้ของประเทศเริ่มน้อยลงได้”
ในอดีต เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ซึ่งรวมถึงทรัมป์ และ ลาร์รี่ คัดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนสำคัญ ได้แนะนำให้เฟดลดดอกเบี้ยประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่ในการทวีตครั้งนี้ ได้เรียกร้องให้เฟดลดดอกเบี้ยเป็นสองเท่า
ในขณะนี้เฟดตั้งเป้าอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ในช่วง 2.25-2.50% และเฟดได้ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 9 ครั้งนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แม้ได้ระบุในเดือนมีนาคมว่า น่าจะขึ้นดอกเบี้ยเสร็จสิ้นแล้วสำหรับช่วงที่เหลือของปี 2562 แม้ว่าได้คาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยสองครั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
การทำตามใบสั่งของประธานาธิบดีจะทำให้ดอกเบี้ยมาตรฐานของเฟดกลับไปอยู่ในระดับเดียวกับเดือนธันวาคม 2560 การกดดันให้ลดดอกเบี้ยเกิดขึ้นทั้งที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ โตอย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรก โดยจีดีพีโตขึ้น 3.2% ทั้งที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้คาดการณ์ว่าจะโตเพียงเล็กน้อยหรือไม่โตเลย
การเติบโตนี้มีเงินเฟ้อเล็กน้อย โดยตัวชี้วัดที่เฟดชอบใช้ ชี้ว่าเงินเฟ้อโตเพียง 1.6% เท่านั้นในปีที่ผ่านมาเมื่อไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน
การไม่มีเงินเฟ้อเป็นเหตุผลที่คัดโลว์และคนอื่น ๆ เชื่อว่าเฟดสามารถลดดอกเบี้ยได้โดยไม่มีความเสี่ยง ธนาคารกลางมักเข้มงวดนโยบายเพื่อพยายามควบคุมราคาเมื่อเศรษฐกิจกำลังขยายตัว
ในขณะที่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประธานาธิบดีจะวิจารณ์นโยบายเงิน โดยในอดีตมักมีการวิจารณ์อย่างเงียบ ๆ ดังนั้นการที่ทรัมป์โจมตีเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ และเพื่อนร่วมงานของเขาในที่สาธารณะ จึงเป็นเรื่องผิดปกติและนี่เป็นการเรียกร้องครั้งที่สองของทรัมป์สำหรับนโยบายคิวอี แต่ได้เรียกร้องมาแล้วหลายครั้งให้เฟดลดดอกเบี้ย
เฟดได้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ 3 รอบในระหว่างและหลังจากที่เกิดวิกฤตการเงิน เพื่อพยายามทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวต่ำลงและเพื่อกระตุ้นให้เงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและตราสารหนี้บริษัท ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่าเฟดกำลังจะดำเนินนโยบายคิวอีอีกรอบ แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐในเซนต์หลุยส์ได้ผุดไอเดียที่จะอำนวยความสะดวกในการซื้อคืนพันธบัตรที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนกล่าวว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการผ่อนคลายนโยบาย
โจน ฮิลล์ นักกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ของบริษัทบีเอ็มโอ กล่าวว่า การเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ย 1% และเริ่มนโยบายคิวอี เป็นการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับวิกฤตการเงินขนาดใหญ่มากกว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และดูเหมือนว่ามันเป็นเพียงแค่การวางก้ามทางการเมืองก่อนการตัดสินใจที่สรุปล่วงหน้าได้ว่า เฟดจะไม่ลดดอกเบี้ยหรือขึ้นดอกเบี้ยในวันพุธ
ฮิลล์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ จะระวังที่จะไม่อ่อนโยนจนเกินไปเพราะตลาดหุ้นสูงเป็นประวัติการณ์และเฟดอยากแสดงความเป็นอิสระและดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องของทรัมป์ที่ให้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายลง ไม่มีอิทธิพลต่อพวกเขา
ปีเตอร์ บุ๊ควาร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบลีคลีย์ แอดไวเซอรี กรุ๊ป กล่าวว่า มีการพูดจาก ชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐชิคาโก และริช คลาริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ และนักเขียนจำนวนหนึ่งว่า เฟดควรจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นการรับประกันไว้เหมือนเมื่อปี 2538 และ 2541 เนื่องจากเงินเฟ้อที่ต่ำลงคุ้มครองพวกเขาได้
ผู้ที่จับตาเฟด กล่าวว่า เฟดจะไม่ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ แต่อาจจะต้องการมีทางเลือกในการเคลื่อนไหวอัตราดอกเบี้ยไปในทางใดทางหนึ่ง
Source: ข่าวหุ้น
Federal Reserve leaves interest rates unchanged despite Trump's rate cut demands
https://edition.cnn.com/…/federal-reserve-may-ra…/index.html