อย่างน้อยก็น่าจะสะท้อนกับเงินเฟ้อในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาบ้างนะ ....คำตอบน่ะมันง่ายๆ ก็เพราะ ระบบของร้อธไชลด์ "Rothschild formula” มันยังอยู่น่ะซี ...แต่ยังมีอีกหนึ่งคำตอบอยู่ท้ายบทความนี้
ตอนนี้มาดูกันว่า ระบบร้อธไชลด์ คืออะไร
อิลิทฝ่ายที่ครองโลกตะวันตกอยู่ตอนนี้ ยังคงบีบคอพวกรัฐบาลทั้งหลายของฝ่ายตะวันตกอยู่ผ่านทางธนาคารกลาง คอยสั่งให้รัฐบาลเหล่านั้นปกครองทาสของตนให้เข้าที่เข้าทางในระบบ ..“Rothschild system” ควบคุมการเงินทั้งหมด ทำให้คุมรัฐบาลได้ ...เมื่อคุมรัฐบาลได้ ก็คุมทั้งโลกไว้ได้ทั้งใบ ..นี่อธิบายได้ว่า ทำไมระบบร้อธไชลด์ถึงสามารถแผ่ขยายโยงใยไปยังทุกชีวิตบนโลกนี้ได้
บรรพบุรุษร้อธไชลด์เป็นนักธุรกิจที่มองการณ์ไกล เมื่อมีโอกาสเป็นนักปล่อยเงินกู้ เขาค้นพบว่าการปล่อยเงินให้รัฐบาลเป็นผู้กู้ย่อมดีกว่าให้คนธรรมดาทั่วไป ..เพราะนอกจากรัฐบาลจะสามารถเก็บภาษีเป็นการประกันได้ว่าหนี้จะไม่สูญแล้ว เขายังค้นพบอีกว่า มันยังสามารถทำกำไรได้อีกมาก..เมื่อตอนที่ทำให้ประเทศต่างๆมีสงครามระหว่างกัน
The Rothschild System & Wars
ไม่มีอะไรสร้างกำไรให้พวกร้อธไชลด์มากไปกว่าค้าสงคราม ..ที่ผ่านมามันได้สร้างความมั่งคั่งให้แบบจินตนาการไม่ถูกเลย เริ่มจากการที่ร้อธไชลด์คุม Bank of England ....เราเคยแปลกใจกันบ้างไหมว่าทำไมคนบนโลกถึงไม่สามารถ get along อยู่ด้วยกันแบบสันติได้ ...ก็เพราะระบบร้อธไชลด์ได้สร้างความขัดแย้งทั้งในและระหว่างประเทศเอาไว้ ซึ่งมันก็นำไปสู่สงครามในที่สุด ...และประเทศที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามมากที่สุด ก็คือประเทศที่เป็นหุ่นเชิด ที่ชักใยโดยพวกอิลิท ..สหรัฐอเมริกานี่เอง
The Rothschild System & Governments
"ถ้าให้ข้าพเจ้าได้คุมระบบการเงินของประเทศได้ ข้าพเจ้าก็ไม่แคร์ว่าใครจะมาเป็นผู้ร่างกฏหมาย"...Mayer Amschel Rothschild เคยกล่าวไว้ .......เมื่อสามารถควบคุมรัฐบาลไว้ได้จากการเป็นผู้ให้กู้เงิน ก็ได้อำนาจอื่นๆผ่านทางใบอนุญาติต่างๆ เช่นสื่อมวลชน อุตสาหกรรมสาธารณสุข การสื่อสาร การศึกษา การทหาร....โยงใยเครือข่ายการเงินทำให้ควบคุมอำนาจรัฐอยู่ในมือได้ทั้งหมด
เมื่อ Rothschild Formula ทำได้เป็นระบบ ..มันก็ประสบความสำเร็จครบวงจร ..มีตัวแทนของระบบอยู่ในทุกข่ายอำนาจ เชื่อมโยงกันได้ลงตัว ขยายตัวจากจักรวรรดิ์ระดับครอบครัวออกไป ..เป็นระบบแบ้งกิ้งที่สามารถควบคุมได้แบบไม่มีอะไรเล็ดรอดไปได้ ...นี่เป็นวิธีที่สหรัฐอเมริกาถูกกัดกินจากอวัยวะภายในออกมาเลย
เริ่มจากการก่อตั้ง Federal Reserve ก่อนในปี 1913 ..และสรรพากร IRS ในปี 1916 ..การก่อตั้งทั้งสองหน่วยงานนี้ไม่ได้ผ่านรัฐธรรมนูญเดิม (organic Constitution) ..มีการแก้เป็น mirrir federal constitution ที่เขียนขึ้นมาเอื้อประโยชน์ให้กับร้อธไชลด์โดยเฉพาะเลย
ในบทย่อๆแบบ abbreviated version นี้ของฉบับเต็ม Rothschild for Dummies ซึ่งมันซับซ้อนมากในเรื่องการ takeover โลกทั้งใบ ...พอจะอธิบายได้ดังนี้
เมื่อร้อธไชลด์ให้เงินกู้แก่รัฐบาล การชำระคืนต้องเป็นทองคำเท่านั้น ถ้ามีไม่พอก็ต้องเป็นซิลเวอร์ เมื่อทั้งสองอย่างนี้หมดไป ..ก็ต้องยอมอนุญาติให้เจ้าหนี้ควบคุม money supply ของประเทศ ...ซึ่งเมื่อได้แล้ว ทีนี้ทุกองคาพยพในระบบการเงินก็อยู่ในมือ
เงินเป็นรากของความชั่วร้าย ทุกรัฐบาลของโลกตะวันตกล้วนเป็นองค์กรอาชญากรรม ..ที่ใหญ่ที่สุดคือสหรัฐอเมริกา ที่มีการ export "ประชาธิปไตย" ไปยังนานาชาติ ไปสร้างหนี้จากปากกระบอกปืน ...และแน่นอน ต้องชดใช้
The Rothschild System & the Price of Gold
เท่าที่ดูจากชาร์ต ยังไม่เห็นวี่แววเลยว่าทองคำและซิลเวอร์จะ take off หรือแม้แต่เทรนด์ที่จะ upside ..ที่พูดกันบ่อยๆเรื่องของ fundamentals ของทองคำ ก็เป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างการลงทุนของตะวันตก vs ตะวันออก แค่นั้นเอง
ดูเหมือนทุกอย่างกำลังโคจรอยู่รอบๆทองคำ และฝ่ายตะวันตกก็กำลังเป็นรอง เหลือเพียง "ระบบ" เท่านั้นที่ยังเป็นไพ่เด็ด (ace in the hole) ..ที่ผ่านมา ได้มีการทำการลักไก่ บลั้ฟไปแล้วในเรื่องทองคำ ..และก็หมอบไปแล้ว ในตลาดกระดาษ ทั้ง COMEX และ LBMA
มันเหมือนเล่นเกมเป่ายิ้งฉุบ Rock Paper Scissors ..Paper อาจจะชนะ Rock ได้ในเกม ....แต่ในชีวิตจริง Paper จะไปเอาชนะ Golden Rock ไม่ได้หรอก
The Answer to the Opening Question ...คำตอบของคำถามต้นบทความ
The Question: ถ้าฝ่ายตะวันออกสามารถควบคุมทองคำไว้ได้ ในขณะที่ตะวันตกก็เสียทองคำจนหมด ทำไมระดับราคามันไม่ไปไหนซะที อย่างน้อยก็น่าจะสะท้อนราคากับเงินเฟ้อในช่วงหลายสิบปีมานี้ ก็ยังดีนะ
The Answer: มันเป็นเรื่องที่ต้องรู้ว่าแถวนี้ใครใหญ่ ใครมีอิทธิพลในการกำหนดราคาทองคำ ...และตราบใดที่พวกตะวันตกยังมีอิทธิพลต่อทุกเหตุการณ์ที่เป็นไปในโลกใบนี้ ...มันก็ยังจะเป็นหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงสีข้างของพวกโลกตะวันออก ...เรามาคอยดูกันดีกว่า ว่าทองคำและซิลเวอร์จะไปต่อจนถึง bottom ได้หรือไม่
Editor’s Note: The above excerpts* from the original article have been edited ([ ]) and abridged (…) by Lorimer Wilson, editor of munKNEE com for the sake of clarity and brevity. Also note that this complete paragraph must be included in any re-posting to avoid copyright infringement.
Cr.Sayan Rujiramora