ในวงการเทรดเป็นที่เข้าใจและยอมรับกันอย่างเอกฉันท์ว่า ยิ่งนานวัน ตลาดยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ, ทำให้จะหาทางทำกำไรจากช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ
, ความท้าทายของตลาดก็มากขึ้นเรื่อยๆ และ จะเห็นได้ว่า มีคนจำนวนหลายพันคน ที่พยายามแข่งขันจริงจัง เพื่อเอาชนะการเทรดในระดับที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ คุณต้องตระหนักว่า การเทรดเองก็ไม่แตกต่างจาก การแสดง หรือ การแข่งขันกีฬา : มีคนถูกเรียกเข้ามาทดสอบจำนวนมาก, แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จ
เพราะ(ผู้แต่ง Dr.Brett S.) เป็นผู้บริหารของ โปรแกรมฝึกเทรดเดอร์หน้าใหม่ของ บริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ในชิคาโก, จึงมีทั้งข้อมูล และ ประสบการณ์เกี่ยวกับ ความสำเร็จและความล้มเหลวของเทรดเดอร์หน้าใหม่ๆ เหล่านั้น
แรงจูงใจ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จ, แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ, มันยังมีสิ่งอื่นที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จในการเทรด เช่นเดียวกับนักกีฬา, นักแข่งหมากรุก หรือ นักแสดง, คงไม่มีใครบอกว่าเขาควรจะได้เข้าทีม บาส Chicago Bulls หรือ ร่วมแสดงกับ Joffrey Ballet เพียงเพราะเขามีแรงจูงใจมากพอ, เทียบเคียงดังนี้แล้ว เพียงแค่ “แรงจูงใจ” ย่อมจะไม่เพียงพอสำหรับการเป็นเทรดเดอร์ที่ดีแน่ๆ
ที่น่าสนใจมากคือ “แรงจูงใจ” ที่เกิด มักจะเป็นเพียงแค่ความอยาก “ประสบความสำเร็จ” ไม่ใช่ ความอยาก “ทำให้ประสบความสำเร็จ”, มีเทรดเดอร์จำนวนมากที่บอกว่า พวกเขามีแรงจูงใจมากกับการเทรด แต่เมื่อถึงเวลาตลาดปิดปุ๊บ ก็ออกจากบริษัทหลักทรัพย์ปั๊บ ไม่เคยเห็นความพยายามของพวกเขาในการศึกษาตลาด นอกเวลาทำงานเลย, รวมทั้งใช้ความพยายามน้อยมากในการศึกษาการเทรดของตัวเอง, เมื่อเทรดเดอร์เหล่านี้จำเป็นต้องบันทึกการเทรดตามหน้าที่ ก็จะเห็นแต่ข้อความทำนองว่า “ต้องมีวินัยมากกว่านี้” โดยไม่เขียนระบุว่า วินัยแบบไหน อะไรที่ทำผิดวินัยลงไป ทำไมถึงผิดวินัย จะไม่ให้ผิดวินัยในอนาคตได้อย่างไร การกระทำไหนที่จะป้องกันการผิดวินัย จะติดตามการแก้ปัญหาเรื่องวินัยอย่างไร ? คำถามทั้งหมดนี้ไม่เคยได้รับการตอบ เพราะการจะตอบนี้เป็นงานเต็มๆ และ เป็นงานหนักซะด้วย, แค่ความอยากไม่ใช่แรงจูงใจ, แรงจูงใจควรจะวัดจากการแสดงความพยายามออกมา ไม่ใช่แค่ความอยากหรือความหวัง ที่ปราศจากการลงมือทำ
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก พวกเขาเริ่มต้นจากการทบทวนการเทรดของพวกเขาอย่างจริงจังหลังจากจบการเทรดแต่ละช่วง, นอกเวลางาน พวกเขาก็จะศึกษาการเทรดของพวกเขา ทบทวนการเคลื่อนไหวของตลาด ทบทวนการตัดสินใจของพวกเขา ระหว่างการศึกษา พวกเขาจะทำการบันทึกด้วย และเน้นจุดสำคัญที่ทำถูก และ ทำผิด, จากการบันทึกเหล่านี้ พวกเขาได้พัฒนาสิ่งพิเศษที่พวกเขาเห็นและเข้าใจตลาด(ระบบ)ขึ้นมา, การทบทวนเหล่านี้ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ซึ่งหยาดเหงื่อแรงงานเหล่านี้ จะทำให้เทรดเดอร์มีการเตรียมตัวที่ดีกว่าเทรดเดอร์คนอื่น, เมื่อเวลาผ่านไปหลายๆเดือน ความพยายามที่สะสมมาทุกวันพวกนี้จะทำให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างที่เลี่ยงไม่ได้คือ พวกเขาจะมีประสบการณ์ที่ได้สัมผัสกับมุมมองของตลาดมากกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญกว่าคือ การได้สัมผัสกับระบบของตัวเอง จนเข้าใจถ่องแท้, ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัท Kingstree มองหามากกว่าเทรดเดอร์ที่พูดลอยๆว่า “ผมมีแรงจูงใจ”
โดยส่วนตัว เชื่อว่า พวกเราอยู่ในยุคที่ต้องพัฒนาศักยภาพของเทรดเดอร์โดยการพัฒนา “เป้าหมาย” โดยการวางแผนระยะยาว มากกว่า “ผลลัพธ์”เฉพาะหน้า เช่น รายงานของตัวเอง และ สรุปผลลัพธ์การเทรด P/L ง่ายๆ, เพราะตลาดนับวันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทหลักทรัพย์จึงต้องหาทางสกัดเอาคุณค่าที่ซ่อนอยู่ลึกไปไกลกว่า “แรงจูงใจ” นั่นคือ “aptitudes” ในบริษัท Kingstree เรามีการฝึก intern โดยให้มี mentor (พี่เลี้ยง) กำกับโดยตรง, มีการเก็บสถิติในแต่ละช่วงการเทรด และจะมีการให้คำแนะนำในสภาวะตลาดจริง, จากนั้นจะส่งเสริมให้ Advance-Intern ทดลองกลยุทธ์ต่างๆ และ จะช่วยชี้จุดแข็ง จุดอ่อนของพวกเขา, เราเชื่อว่า การขัดเกลาด้วยวิธีนี้จะทำให้เร่งกระบวนการเรียนรู้ได้ดี และ ลดเวลาในการเดินทางกว่าจะเป็น “พอร์ตเขียว” ของเทรดเดอร์ใหม่ๆ ได้
บริษัทหลักทรัพย์มักจะพูดว่า พวกเขามองหาเทรดเดอร์และแรงจูงใจ, แต่คำพูดนี้เป็น ดาบสองคม, ตัวบริษัทแม้มี “แรงจูงใจ” ในการอยากได้เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ แต่อาจจะแสดง “ความพยายาม” ในการพัฒนาตัวเทรดเดอร์ไม่เพียงพอ, เวลา แรงงาน การสอน การประกบ การเก็บข้อมูลอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ถ้าต้องการพัฒนาศักยภาพของเทรดเดอร์ เช่นเดียวกับ กีฬา หรือ การแสดง, โค้ชหรือครูสอน ต้องฝึกร่วมกับ นักกีฬา/นักแสดง อย่างหนัก ทุกวัน, ลองคิดดูว่า ถ้าบริษัทต้องให้ mentor มาประกบเทรดเดอร์ใหม่ เพื่อสอนทุกวัน ตัว mentor คงไม่มีเวลาเทรดเต็มที่ ซึ่งหมายถึงรายได้ที่ลดลง, การที่บริษัทรับภาระชดเชยรายได้ให้ mentor นี่เป็นการแสดงออกถึงความทุ่มเทอย่างมาก, ถ้าบริษัทไหนที่ พัฒนาเทรดเดอร์ใหม่ โดยการให้ mentor แนะนำไม่กี่คำหลังการเทรด เพราะ mentor ต้องเทรดของตัวเองเต็มที่แล้ว คงต้องพิจารณาถึงคำว่า “แรงจูงใจ” ของบริษัทหลักทรัพย์เช่นกัน
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ มีบางอย่างที่เหนือกว่าเทรดเดอร์อื่นๆ นับพัน ในตลาดการแข่งขันนี้, อะไรคือ บางอย่างที่ว่านั้น ? ถึงตรงนี้คุณน่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า “ความชื่นชอบในสิ่งนั้น” (Passion), “แรงจูงใจ” (Motivation), “แรงปรารถนา” (Desire) และ “ทำงานหนัก” (Hard work) คือ สิ่งที่ต้องมี และ สุดท้ายแล้ว จำเป็นที่จะต้องแปลงสิ่งเหล่านั้นออกมาเป็น “ทักษะ” ด้วยการฝึกฝน, ให้อ่านเรื่องราวของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ สังเกต หรือ ถ้ามีโอกาสก็ สอบถาม เทรดเดอร์เหล่านั้นว่าอะไรคือทักษะสำคัญเหล่านั้น แล้ว ฝึกฝนเลียนแบบทักษะเหล่านั้น, แล้วคอยถามตัวเองอย่างตรงๆ ว่า มีทักษะเหล่านั้นหรือยัง, ถ้ามีแล้ว ให้พัฒนาแผนที่จะรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ให้ได้ นี่แหละคือ สิ่งที่จะทำให้การเทรดประสบความสำเร็จ
ต้นฉบับ Credit : Dr.Brett N. Steenbarger /www.brettsteenbarger.com
#forex #daytrade forex #forex pantip #indicator #metatrader 4 #day trade #กลยุทธ์การเทรด forex #ระบบเทรด forex #สอนเทรด forex #สอน forex เบื้องต้น #mt4