Nathan Mayer Rothschild คือ บุคคลที่พิชิตหรือครอบครองระบบการเงินทั้งหมดของสหราชอาณาจักร ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ได้กล่าวไว้ว่า
“ข้าพเจ้าไม่สนใจว่าหุ่นเชิดเช่นไรที่วางไว้บนตำแหน่งราชาปกครองจักรวรรดิแห่งพระอาทิตย์ไม่ตกดินที่ใหญ่โตแห่งนี้ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าใครสามารถควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียนของจักรวรรดิอังกฤษนี้ เขาก็จะเป็นผู้ควบคุมจักรวรรดิอังกฤษตัวจริง ซึ่งขณะนี้ข้าพเจ้าก็ได้ควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียนของจักรวรรดิอังกฤษอยู่แล้ว” (1815)
มีการประเมินกันว่าปัจจุบันนี้ตระกูล Rothschild มีทรัพย์สินประมาณ 500 ล้านล้านดอลล่าร์ มีวิธีการอย่างไรถึงมีความมั่งคั่งได้มากมายขนาดนั้น
การทำธุรกิจของตระกูลนั้นมีวิธีการอย่างเข้มงวด การทำธุรกิจต่างๆทำอย่างเป็นความลับไม่แพร่งพราย การทำงานมีการประสานกันอย่างแม่นยำ ได้รับข่าวสารในตลาดก่อนใคร การมีสติที่เย็นชาอยู่ตลอด การมองให้เห็นอย่างลึกซึ้งถึงทรัพย์สินเงินทองอยู่เหนือสิ่งทั้งปวง การคาดการณ์อย่างอัฉริยะ ทำให้ตระกูล Rothschild ประสบความสำเร็จตลอด 200 ปี ท่ามกลางการต่อสู้อย่างดุเดือดและโหดเหี้ยมทางการเงิน การเมืองและสงคราม และสามารถสร้างอาณาจักรทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
“ถ้าข้าพเจ้ามีอำนาจควบคุมการออกเงินตราของประเทศได้ ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครคือผู้ออกกฎหมาย” คำพูดของ Mayer Amschel Rothschild
ธนาคาร Rothschild เป็นธนาคารระหว่างประเทศ (International Bank) แห่งแรกในโลก การแต่งงานภายในครอบครัวเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ Rothschild เพื่อให้แน่ใจว่าการควบคุมของความมั่งคั่งของพวกเขายังคงอยู่ในมือของครอบครัว จากรากฐานในแฟรงค์เฟิร์ต ลูกชายทั้ง 5 ได้ถูกส่งไปคุมคลุมยังที่สำคัญต่างๆ ในยุโรป อันได้แก่
Amschel Mayer von Rothschild บุตรชายคนโตของตระกูล บริหารที่ Frankfurt ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของ ธนาคาร Rothschild (M.A. Rothschild and Sons.)
Salomon Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 2 ก่อตั้งและบริหารอยู่ที่ เวียนนา ประเทศออสเตรีย (S.M. Rothschild and Sons.)
Nathan Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 3 ก่อตั้งและบริหารงานที่ ลอนดอน ประเทศ อังกฤษ (N M Rothschild & Sons.)
Calmann Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 4 ก่อตั้งและบริหารงานที่ เนเปิล ประเทศ อิตาลี
James Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 5 ก่อตั้งและบริหารงานที่ ปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส (Messieusde Rothschild Freres)
ความพยายามร่วมกันของพวกเขาทำให้มีทรัพย์สินและมีชื่อเสียงขึ้นมาในความหลากหลายของธนาคาร รวมทั้งความพยายามที่กู้ยืม ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล และการซื้อขายในทองคำแท่ง การจัดหาเงินทุนของพวกเขาทำให้มีโอกาสในการลงทุน และในช่วงศตวรรษที่ 19 พวกเขากลายเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญในขนาดใหญ่การทำเหมืองแร่และการขนส่งทางรถไฟกิจการที่เป็นพื้นฐานของการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของยุโรป
อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงในผู้นำของรัฐบาล การเกิดสงครามและเหตุการณ์อื่นๆ ที่จะมีผลกระทบกับความมั่งคั่งของคนในครอบครัว เพื่อประโยชน์ของพวกเขา อย่างไรก็ตามมี 3 เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์ของครอบครัว Rothschild บนความเสียหายของธนาคารทั่วยุโรป
การปฏิวัติ 1848
Great Depression of the 1930s
ลัทธินาซีจากช่วงปลายยุค 30 จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง
การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล Rothschild คือช่วงปี 1815 การทำสงครามระหว่างนโปเลียนของฝรั่งเศสและลอร์ดเวลลิงตันของอังกฤษ ที่มีตระกูล Rothschild ให้การสนับสนุนการเงินทั้งสองฝ่าย จนสงครามมาถึงจุดแตกหักที่ Water Loo สงครามครั้งนี้หากใครเป็นผู้ชนะก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทันที ตระกูล Rothschild ได้วางเครือข่ายข่าวสารไปทั่วทั้งยุโรป ถนนทุกสายในฝรั่งเศสจะมีหน่วยข่าวของตระกูล Rothschild
สงครามครั้งนี้เป็นการเดิมพันครั้งที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของนักลงทุน ผู้ชนะจะได้เงินก้อนใหญ่ ผู้แพ้ก็จะเสียหายแบบย่อยยับ และถ้าหากอังกฤษพ่ายแพ้ มูลค่าพันธบัตรของอังกฤษจะดึงลงเหว แต่ถ้าชนะจะสูงขึ้นทะลุฟ้าทันที
ก่อนสงครามเริ่มเพียงหนึ่งวัน หน่วยข่าวกรองอันแม่นยำของตระกูล Rothschild ได้ออกจากสนามรบในฝรั่งเศสมุ่งตรงสู่ ลอนดอน
Nathan Mayer Rothschild ได้รับจดหมายข่าวจากสมรภูมิ และในเวลาต่อมามีการเทขายพันธบัตรของอังกฤษออกมาเป็นแสนปอนด์ หลังจากนั้นมีการกระหน่ำเทขายออกมาในปริมาณมหาศาล มูลค่าของพันธบัตรอังกฤษเข้าสู่ภาวะพังทลายอย่างรวดเร็ว มีการปล่อยข่าวการพ่ายแพ้ของลอร์ดเวลลิงตันในตลาดหุ้นลอนดอน เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงมูลค่าพันธบัตรของอังกฤษเหลือมูลค่าเพียง 5%
และในระยะเวลาไม่นาน Nathan Mayer Rothschild และพนักงานเข้าซื้อพันธบัตรของอังกฤษทุกใบที่มีการขายในตลาด ในคืนนั้นเองคนถือสารจากลอร์ดเวลลิงตันเดินทางมาแจ้งชัยชนะที่มีต่อกองทัพนโปเลียนที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับหลังการรบที่ใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง
ข่าวนี้มาถึงช้ากว่า Nathan Mayer Rothschild ถึงหนึ่งวัน ในวันรุ่งขึ้นเขามีกำไรมากกว่า 20 เท่า และเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของธนาคารกลางอังกฤษ (Bank Of England)
Nathan Mayer Rothschild ได้ถือครองพันธบัตรของอังกฤษจนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยมีภาษีของประชาชนเป็นภาระในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น แทนที่จะถูกจ่ายให้กับรัฐบาล กลับถูกจ่ายให้กับธนาคาร Rothschild แทน และทำให้เขาเป็นต่อ เป็นผู้กำหนดนโยบายการเงินการหมุนเวียนทางการเงินของอังกฤษตัวจริง การเงินของจักรวรรดิพระอาทิตย์ไม่ตกดินอยู่ในกำมือของตระกูล Rothschild และมีอำนาจเหนือรัฐบาลทั้งปวง
การแผ่ขยายอาณาจักรก้าวเข้าสู่โลกใหม่คือ "อเมริกา" จะมีใครในโลกนี้รู้บ้างว่า แท้ที่จริงแล้วธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกามีสถานะเป็นเอกชน และมีธนาคารตระกูล Rothschild ถือหุ้นอยู่ในนั้น จึงมีสถาณะในการควบคุมและออกแบบเศรษฐกิจทุนนิยมในอเมริกาตัวจริง เป็นเจ้าของอุสาหกรรมการรถไฟในยุโรปและอเมริกา เหมืองแร่ทองคำและเพชร (DeBeers) เหมืองแร่ (Rio tino) ธนาคารขนาดใหญ่ เช่น โกล์ดแมนแซค เจพีมอร์แกน ซิตี้แบงค์ บาร์แค บีเอนพี ยูบีเอส ฯลฯ อุตสาหกรรมอาวุธ อุตสาหกรรมน้ำมัน อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมสื่อสารมวลชน และอีกมากมาย
ปรัชญาทางความคิดในการสร้างความร่ำรวยมหาศาลของตระกูล Rothschild ก็คือ “การเติบโตและการพังทลายทางเศรษฐกิจจะสร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่เสมอ” เมื่อสามารถควบคุม BOE, FED และ ECB ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เท่ากับว่าสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของโลกใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การทำให้เศรษฐกิจเติบโตหรือล้มละลายทำได้อย่างง่ายดายโดยเปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆคือ “คนในโลกนี้เหมือนกับปลาในบ่อน้ำ เงินเปรียบเสมือนน้ำ เมื่อใส่น้ำเข้าไปปลาก็จะสดชื่น เมื่อสูบน้ำออกจากบ่อปลาก็จะตาย และเลือกจับได้อย่างง่ายดาย”
วิกฤติที่เห็นได้ชัดคือตอนปี 40 ก่อนหน้านั้นมีการปล่อยเงินเข้ามามากมายในระบบเศรษฐกิจของประเทศจนเกิดฟองสบู่ และดึงเงินออกอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการปล่อยข่าวทำลาย ลดอันดับความหน้าเชื่อถือ (Rating) แล้วก็เรียกคืนหนี้ ก็คือการดึงเงินออกอย่างเป็นระบบ และปล่อยให้เศรษฐกิจพังทลาย และใช้องค์กรระหว่างประเทศเข้าควบคุมภายใต้แนวทางของข้อตกลงฉันทามติ "วอชิงตัน" ภายใต้ขบวนการสร้าง New World Order และเข้าซื้อทรัพยากรในราคาถูก ไม่ว่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ ออกกฎหมายให้ประโยชน์ (กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับที่ปัจจุบันยังคงอยู่) และเข้าครอบครองอย่างแยบยล
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ตลอดเวลา เช่น ในอาร์เจนตินา เม็กซิโก อาเซียน สหรัฐอเมริกา ยุโรป อังกฤษ ไอร์แลนด์ สเปน โปรตุเกส กรีซ และล่าสุดที่ไซปรัส
ถามว่าทำไมเกิดขึ้นแม้นแต่ในอเมริกา คำตอบคือ กลุ่มทุนนี้อยู่เหนือความเป็นชาติ ไร้พรมแดน และมองประชากรทั่วโลกว่าเป็นทาส มีหน้าที่สร้างความมั่งคั่งให้แก่กลุ่มทุนของตน และจ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นผ่านภาษี
ปรัญชาสูงสุดของทุนนิยมก็คือ “เวลาที่รุ่งเรือง กลุ่มผู้บริหารและผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์ เมื่อมีความผิดพลาดจนล้มละลาย ประชาชนจะเป็นผู้จ่ายราคาของความเสียหายหรือหายนะนั้นๆ และทุนก็เข้าทำกำไรในความหายนะนั้นอีกที”
(บทความนี้จากการสัมภาษณ์ คุณ ทวีสุข ธรรมศักดิ์)
T.Thammasak
ขอบคุณ manager.co.th
#forex #daytrade forex #forex pantip #indicator #metatrader 4 #day trade #กลยุทธ์การเทรด forex #ระบบเทรด forex #สอนเทรด forex #สอน forex เบื้องต้น #mt4