ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน" ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าโลก หลังจากสหรัฐสร้างเงื่อนไขทางการค้าโดยการปรับขึ้นภาษีสินค้าจีน เป็นแรงผลักให้จีนใช้กลยุทธ์ผนึกกำลัง "ภูมิภาค" เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ทางเศรษฐกิจเช่นกัน

tradewar

การฟาดฟันด้วยกำแพงภาษีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เริ่มขึ้นตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2561 ภายใต้การนำทัพของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสหรัฐฯ เพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 25% มูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สงครามการค้าทำหยวนอ่อนค่า แนวโน้มถึงระดับต่ำสุดปีหน้า : จากการเผชิญหน้าทางการค้าที่ยังไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลาย โดยทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนยังไม่สามารถกลับมาตั้งโต๊ะเจรจาการค้ากันได้

trade war

ถ้า "สงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา" ยังแย่ลงอย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้นักลงทุนเอาเงินหนีไปลงทุนอย่างอื่น เช่น "ทองคำ"

สงครามการค้าพ่นพิษ บริษัทจีนย้ายฐานผลิตหนี:

สงครามการค้ายืด ปลุกจีนตื่นลดพึ่งต่างชาติ : ในช่วงเวลานี้ หนึ่งในความเสี่ยงเขย่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลก คงหนีไม่พ้นเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและ จีนยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อหาจุดลงตัว กรณีพิพาทระหว่างกัน ผลพวงของการตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีของ 2 ประเทศช่วงที่ผ่านมา เริ่มส่งผลเป็นรูปธรรมต่อบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย

ภาพรวมอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศไทยยังมีเสถียรภาพ เนื่องจากความต้องการในการขยายโรงงานใหม่จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้น 258%

 สงครามการค้าเห็นผล หุ้นโลกเสี่ยงยาว: เมื่อครั้งที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เป็นตัวนำการดิ่งโดยปิดลบไปกว่า 800 จุด เมื่อวันที่ 10 ต.ค. จนสร้างความหวาดผวาให้ตลาดหุ้นทั่วโลกนั้น

waste

เรื่องราวที่ฟิลิปปินส์​บังคับให้แคนาดาขนเอาขยะกลับไปทิ้งที่บ้านตัวเองเป็นหนึ่งในกรณีที่บอกให้รู้ว่า​ "ปัญหาขยะล้นโลก" กำลังเป็นอีกปัญหาที่เจอทางตัน