ถ้ามองย้อนกลับไปในปี 2007 ซึ่งเป็นปีแรกที่โลกมีสมาร์ตโฟนใช้ แล้วเอามาเปรียบเทียบกับปัจจุบัน จะเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบปั่นป่วนมากมาย

ทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ หรือสื่อรูปแบบเก่าเข้าถึงผู้คนได้น้อยลง

ผู้คนใช้เวลากับสื่อโซเชียลมากขึ้น ชอบดูวิโอจากยูทูบ 

โทรศัพท์พื้นฐานที่อยู่ในบ้านและสำนักงาน กลายเป็นของไม่จำเป็น

แทบจะไม่มีการติดต่อด้วยจดหมายอีกแล้ว มีแต่ SMS ซึ่งส่งข้อความไปมาได้ฟรี

เอเย่นต์ที่เคยเป็นตัวกลางซื้อตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ตัวกลางถูกกำจัดออกเกือบหมด ทุกคนสามารถทำได้เองผ่านทางออนไลน์

ผู้คนเริ่มมีการซื้อสินค้าและบริการหลายอย่างผ่านทางออนไลน์มากขึ้น

อินเตอร์เน็ต 4G ที่มีใช้กันในปัจจุบัน คือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้การทำงานทุกอย่างผ่านทางโทรศัพท์คล่องตัวมาก 

ลองนึกภาพดูว่า ในยุค 5G ซึ่งอินเตอร์เน็ตจะมีความแรงขึ้นอีก 10-20 เท่า ความหน่วงหรือระยะเวลาในการโหลดข้อมูลจากเว็บต่างๆเหมือนเป็นเรียลไทม์ ความเร็วขนาดเป็นหนึ่งในพันของวินาที ความหนาแน่นของสัญญาณอินเตอร์เน็ตทำให้มีกำลังส่งมากพอสำหรับอุปกรณ์ทุกชนิดที่อยู่รอบตัว 

5G กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2019-2020 โดยมีผู้นำตลาดอยู่ในประเทศจีนและอเมริกา หลายๆประเทศกำลังพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน 

ถ้า Big Data เปรียบเสมือนเป็นน้ำมันของโลกยุคใหม่ ดังนั้น 5G ก็เปรียบเหมือนท่อที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถส่งผ่านข้อมูลจำนวนมากไปยังอุปกรณ์ต่างๆได้ มันทำให้ IoT หรือ Internet of Thing กลายเป็นเรื่องจริง

จากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 4G ไปสู่เครือข่าย 5G มันไม่ต่างจากดอกไม้ไฟที่กำลังจะกลายเป็นแท่งระเบิด 

มันจะเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลทั้งผู้บริโภคและบริษัท เปลี่ยนไปตามกำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของอินเตอร์เน็ต

มีของเก่าที่จะโดนดีสรัป และถูกแทนที่ด้วยของใหม่มากมาย 

จะมีของใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหรือเพิ่งเริ่มต้นได้รับความนิยมในวงกว้าง

เบอร์โทรศัพท์เคยมีการคาดกันมาหลายปีแล้วว่าในอนาคตจะไม่มีความจำเป็น เพราะคุยโทรศัพท์กันผ่านแอปแชทต่างๆได้ พอ 5G เข้ามา จะทำให้เรื่องนี้เป็นจริงแน่ๆ เพราะหมดปัญหาเรื่องสัญญาณหน่วงแล้ว 

อินเตอร์เน็ตบ้านคงหายไปเหมือนกับโทรศัพท์บ้านที่เริ่มหายไปแล้ว สัญญาณอินเตอร์เน็ตตามบ้านที่แรงๆเหมือน 5G เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่จะมีต้นทุนแตกต่างกันแค่ไหน และมีเพียงพอกับความต้องการหรือไม่

สื่อทีวีแบบเก่าคงถึงเวลาตายสนิท เพราะสื่อทีวีที่มากับสัญญาณอินเตอร์เน็ตมีประสิทธิภาพดีกว่า ต้นทุนในการแพร่ภาพก็ถูกกว่ามาก บริษัทยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีหลายแห่งกำลังหันไปลงทุนกับทีวีอินเตอร์เน็ตยุคใหม่

ธนาคารแบบดั้งเดิมที่ต้องไปทำธุรกรรมด้วยตัวเองที่ธนาคารจะกลายเป็นเรื่องล้าสมัย สาขาธนาคารจะหดหายไป และมีสถาบันการเงินหรือธนาคารหลายแห่งทั้งเก่าและใหม่เปลี่ยนแปลงเป็นธนาคารแบบออนไลน์ที่ทำธุรกรรมเกือบทุกอย่างผ่านทางอินเตอร์เน็ต 

ในต่างประเทศเริ่มมีหลายธนาคารที่ทำงานผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก ไม่มีสาขามากมายเหมือนในอดีต มีสำนักธนาคารเพียงแห่งเดียว แต่ทำงานได้ครอบคลุมทั่วประเทศหรือทั่วโลก

ห้างสรรพสินค้าแบบดั้งเดิมจะยิ่งป่วนหนักขึ้น ผู้คนหันไปซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่อไปในอนาคตเมื่อสัญญาณอินเตอร์แรงๆครอบคลุมครบทุกพื้นที่ จะมีการซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่าอ๊อฟไลน์ มีการเชื่อมต่ออีกหลายอย่างที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายแบบออนไลน์มากขึ้น

การซื้อสินค้าและบริการแบบออนไลน์ทำได้รวดเร็วบนสมาร์ตโฟน สนใจอะไรเมื่อค้นพบแล้วพอใจอยากซื้อ กดปุ่มเพียงไม่กี่ครั้งก็สั่งซื้อได้ มีของมาส่งถึงบ้านอย่างรวดเร็ว

เดินไปไหนเห็นคนใส่รองเท้าสวยๆแล้วอยากได้ ถ่ายรูปขึ้นมาแล้วเข้าไปค้นหาในแอปเพื่อสั่งซื้อได้ทันที มีรีวิวสินค้าให้อ่านก่อนตัดสินใจซื้อ

หลายคนอาจเลิกทำอาหารที่บ้าน ไม่ไปกินอาหารตามร้าน แต่จะเลือกซื้ออาหารแบบทำเสร็จสำเร็จรูปมาส่งตามบ้าน เลือกซื้อจากร้านดังได้ ค่าอาหารจะคุ้มค่ากว่าการทำเองหรือไปกินนอกบ้าน ในประเทศจีนเริ่มกลายเป็นเทรนที่แพร่หลายแล้ว อาจเห็นในอีกหลายประเทศได้รับความนิยมเหมือนประเทศจีนในอนาคต

แอปเรียกรถแท็กซี่และบริการรถสารพัดแบบจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะกลายเป็นระบบไร้คนขับที่ทำให้ต้นทุนต่ำลงอีกมาก 

มีการประเมินว่าการซื้อรถส่วนตัวเป็นการลงทุนที่แย่และไม่คุ้มค่าที่สุด คนส่วนใหญ่มีเวลาใช้รถจริงๆไม่ถึง 10% ในขณะที่มากกว่า 90% เป็นการสูญเปล่าที่ไม่ได้เอารถไปใช้อะไร แล้วยังมีเรื่องความสิ้นเปลืองของพื้นที่ซึ่งต้องใช้เป็นที่จอดรถอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชุมชนที่หนาแน่น 

อินเตอร์เน็ตแรงๆแบบ 5G ซึ่งมีความหน่วงหรือความช้าแค่หนึ่งในพันของวินาทีช่วยทำให้การสื่อสารทุกอย่างเร็วขึ้น รถไร้คนขับสามารถทำงานได้แบบ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่เคยง่วงนอน ไม่มีการเมาแล้วขับ มี AI ที่ช่วยคาดการล่วงหน้า และสามารถหลบหลีกปัญหาที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ รถไร้คนขับทุกคันที่วิ่งอยู่บนถนนสามารถสื่อสารกันเองด้วยอินเตอร์เน็ต 5G

นอกจากระบบรถไร้คนขับแล้ว ยังมีระบบคนขับสำรองแบบรีโมทซึ่งผู้ควบคุมรถไม่ต้องอยู่ในรถ อยู่ที่ไหนในโลกก็มาขับรถแทนให้ได้ ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อในการสั่งงานรถเหมือนกับไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยด้วยตัวเอง เห็นภาพถนนรอบข้างแบบ 360 องศาผ่านทางกล้องวิดีโอ ได้ยินเสียงต่างๆผ่านไมค์รอบรถ

อินเตอร์เน็ตที่สัญญาณส่งผ่านไปมาเร็วๆแบบ 5G ทำให้การทำงานบนคลาวด์หรือผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆรวดเร็วขึ้น

สมาร์ตโฟนยุค 5G สามารถทำหน้าที่เป็นเร้าเตอร์ส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้อุปกรณ์ส่วนตัวอื่นๆที่อยู่รอบตัวได้นับไม่ถ้วน

บ้านอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ สำนักงานอัจฉริยะ โรงงานอัจฉริยะ และอีกสารพัดอัจฉริยะ ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อกันได้หมดผ่านทาง 5G

ทุกเรื่องที่นำมากล่าวอ้างนี้ ไม่ใช่การคาดเดา แต่เป็นเทคโนโลยีที่มีข่าวการพัฒนาหรืออยู่ในช่วงเริ่มใช้งานกันแล้ว 

อินเตอร์เน็ตยุค 5G มันมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีก 20 เท่า แล้วโลกจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมกี่เท่า? 

คงมีหลายธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผันจนไม่เห็นคราบเดิมแน่ๆ!!!


Cr.ธุรกิจ4.0

https://www.scmp.com/…/made-china-2025-5g-offers-worlds-big…

https://www.adweek.com/…/the-shift-from-4g-to-5g-will-chan…/

https://www.scmp.com/…/made-china-2025-5g-offers-worlds-big…

https://www.forbes.com/…/get-ready-5g-is-going-to-change-…/…

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2146242318742249&set=a.524704064229424&type=3&theater

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2136038663095948&set=a.524704064229424&type=3&theater

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2112368058796342&set=a.524704064229424&type=3&theater

——————————————                                                                            ———————————————

ติมตามข่าวสารการเงิน เศรษฐกิจรอบโลกได้ที่ คลิ๊ก
เข้ากลุ่มนักเทรดใน Facebook คลื๊ก นี้


 

0 Share