ราคาทองพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนหันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ราคาทองสปอตดีดตัวแตะ 1,304.24 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.
ส่วนราคาทองในตลาดฟิวเจอร์ ณ เวลา 22.34 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้น 12.50 ดอลลาร์ หรือ 0.97% สู่ระดับ 1,304.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองได้พุ่งขึ้น 1.5% ในเดือนนี้ และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนในวันนี้ หลุดระดับ 109 เยน ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า
ณ เวลา 19.26 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.78% สู่ระดับ 108.74 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.57% สู่ระดับ 121.28 เยน และปรับตัวขึ้น 0.20% สู่ระดับ 1.1152 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.15% สู่ระดับ 97.99
ปธน.ทรัมป์สร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโกในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. โดยปธน.ทรัมป์มีเป้าหมายที่จะกดดันให้รัฐบาลเม็กซิโกสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์เตือนว่า สหรัฐจะเพิ่มภาษีนำเข้าขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโกจะได้รับการแก้ไข
การดำเนินการของปธน.ทรัมป์ สวนทางกับนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งกล่าวว่า เขากำลังผลักดันสภาคองเกรสให้สัตยาบันต่อข้อตกลงการค้าสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ในช่วงฤดูร้อนนี้ หลังจากที่ทั้งแคนาดาและเม็กซิโกต่างก็ส่งสัญญาณว่าทั้งสองประเทศพร้อมที่จะเริ่มกระบวนการให้การอนุมัติต่อข้อตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ ข้อตกลง USMCA จะเข้ามาแทนที่ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
ขณะเดียวกัน สหรัฐยังเผชิญข้อพิพาททางการค้าจากจีน ขณะที่สื่อรายงานว่า จีนได้ระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐแล้ว และอาจระงับการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้น
ทางด้านนายจาง หานฮุย รมช.ต่างประเทศจีน กล่าวว่า การยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางการค้าเปรียบเสมือนการก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ
"เราต่อต้านการทำสงครามการค้า แต่ก็ไม่กลัวการทำสงครามการค้า ซึ่งการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางการค้าเปรียบเสมือนการก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ เป็นการบ่อนทำลาย และข่มเหงรังแกทางเศรษฐกิจ" นายจางกล่าว
กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในวันนี้ว่า ทางกระทรวงจะจัดทำรายชื่อบริษัทต่างชาติ, องค์กร และบุคคล ซึ่งทางกระทรวงมองว่าไม่น่าเชื่อถือ และเป็นภัยต่อบริษัทของจีน
อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงไม่ได้ระบุชื่อประเทศ หรือบริษัทใดๆในแถลงการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า รายชื่อดังกล่าว จะประกอบด้วยบริษัท, องค์กร หรือผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของตลาด และเจตจำนงของสัญญา โดยสกัดกั้นการส่งสินค้าไปยังบริษัทจีนอันเนื่องจากเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเชิงพาณิชย์ และบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายของบริษัทจีน
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
- Gold tops $1,300 to highest level in about 7 weeks on fresh tariff tensions: https://www.marketwatch.com/…/gold-jumps-to-highest-level-i…