การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อปัญหา supply chain disruption ทำให้ traders ต่างกังวลว่าจะไม่สามารถหาทองคำมาส่งมอบสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (future) ที่ตลาด Comex นิวยอร์กได้
สะท้อนได้จากราคาของ Gold futures ที่จะหมดอายุสิ้นเดือนนี้ ซึ่งมีราคาเป็น premium เหนือราคาการซื้อขายทองคำจริง (physical gold market) ที่ลอนดอน ซึ่งส่วนต่างราคา futures และราคาทองคำปรับขึ้นสูงถึง 70 ดอลลาร์ สรอ. ต่อออนซ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าส่วนต่างที่กว้างขึ้นสะท้อนความต้องการถือทองคำของนักลงทุนรายย่อยประกอบกับเป็นผลจากการปิดทำการชั่วคราวของ Gold refineries ขนาดใหญ่ในยุโรปซึ่งตั้งอยู่ที่แคว้น Ticino ในสวิสเซอร์แลนด์ ติดกับชายแดนประเทศอิตาลี
อย่างไรก็ดี price premium ได้ปรับลดลงมาที่ 22 ดอลลาร์ สรอ. ต่อออนซ์ เมื่อวานนี้ หลังจากที่ CME Group ได้เปิดตัว Futures contract แบบใหม่ที่เปิดให้การส่งมอบทองคำมีความคล่องตัวขึ้น โดยสามารถส่งมอบโดยใช้ทองคำแท่งขนาด 400 ออนซ์ และขนาด 1 กิโลกรัม (35 ออนซ์) ด้วยได้ เพิ่มเติมจากทองคำแท่งขนาด 100 ออนซ์ อย่างที่ผ่านมา
อนึ่ง ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณธุรกรรมซื้อขายทองคำเฉลี่ยต่อวันระหว่างธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ลอนดอน อาทิ HSBC, JPMorgan อยู่ที่ 84 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ในลอนดอนมักป้องกันความเสี่ยงจากการซื้อขาย physical gold กับลูกค้าด้วยการซื้อขาย Futures ที่ตลาด Comex
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้หยุดชะงักลงหลังจากเกิดภาวะขาดแคลนทองคำแท่งขนาด 100 ออนซ์ ที่ต้องใช้ส่งมอบธุรกรรม futures ส่วนหนึ่งเนื่องจากการลดจำนวนเที่ยวบินระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ และความต้องการเร่งถือครองทองคำแท่งของนักลงทุนในช่วงที่เกิดวิกฤต
Source: BOTSS