ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพุ่ง 669,312 ราย ผู้เสียชีวิตทะลุ 30,000 ราย โดยสหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดที่ 124,686 ราย
(ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ณ 29 มีนาคม 2563) แซงหน้าจีนและอิตาลีที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 81,470 ราย และ 92,472 รายตามลำดับ
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้ โยนหินถามทางว่า ต้องการผ่อนคลายมาตรการ “ล๊อคดาวน์” ที่คุมเข้มหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโดยมีการปิดธุรกิจบริการหลายแห่ง รวมทั้งขอให้ประชาชนกักตัวอยู่กับบ้าน โดยทรัมป์บอกว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯไม่ได้สร้างมาเพื่อการปิดประเทศ
เขาอยากให้ผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้ภายในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ซึ่งก็คือวันที่ 12 เมษายนนี้ แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อสถานการณ์ที่ไม่ได้บรรเทาเบาบางลงเลย มีแต่จะดูหนักขึ้น โดยล่าสุด ทรัมป์ยอมรับว่า รัฐบาลเห็นชอบให้ขยายเวลาของมาตรการล๊อคดาวน์ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทั่วประเทศไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้เป็นอย่างน้อย
ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ สอดคล้องแล้วกับความคิดเห็นของ นายบิลล์ เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ที่ผันตัวมาทำงานด้านสาธารณกุศลเพื่อสังคมอย่างเต็มตัวแล้วเมื่อเร็วๆนี้ โดยบิลล์ เกตส์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อใหญ่ของสหรัฐฯว่า ถ้าหากต้องการฝ่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 ให้รอดนั้น เขาเห็นว่า สหรัฐฯจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “ชัตดาวน์ตัวเองอย่างเคร่งครัดที่สุด” นั่นหมายถึงการคุมเข้มวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งจะเปลี่ยนไปจากเดิม ๆ อย่างน้อยเป็นเวลา 6-10 สัปดาห์
Source: ฐานเศรษกิจออนไล์