ดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว บริษัทในสหรัฐอเมริกากว่า 700 แห่งยื่นขอล้มละลายกิจการ คิดเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ยื่นขอล้มละลายกว่า 700 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา
The Wall Street Journal รวบรวมข้อมูลและรายงานว่า บริษัทในสหรัฐอเมริกายื่นเรื่องฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายล้มละลาย (Chapter 11) ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 48% (ทั้งหมด 722 แห่ง) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และหากเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนถือว่าเพิ่มขึ้น 28% (ทั้งหมด 562 แห่ง)
ในจำนวนนี้ บริษัทที่ยื่นเรื่องล้มละลาย ได้แก่บริษัทอย่าง J.C. Penney Co. ยักษ์ใหญ่ของวงการค้าปลีกสหรัฐฯ, Neiman Marcus Group Inc. ห้างสรรพสินค้าหรูเก่าแก่ในอเมริกา, และ J.Crew Group Inc. แบรนด์เสื้อผ้าขนาดใหญ่
ผู้เชี่ยวและทนายความด้านการล้มละลายในสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าธุรกิจต่างๆ ในประเทศกำลังเผชิญอยู่กับสถานการณ์ที่ผลกระทบกำลังขยายวงกว้างจากลูกค้า สู่บริษัท และ supplier ตามลำดับ ที่มากไปกว่านั้นผลกระทบนี้จะส่งต่อไปในหลายธุรกิจหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงแรม, ที่พัก, สายการบิน และค้าปลีกมีทีท่าว่ายังไม่สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ทันทีเนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
นอกจากนั้น ภาพของการยื่นขอล้มละลายจะไม่เกิดขึ้นกับธุรกิจในสหรัฐฯ เท่านั้น เพราะผลกระทบนี้น่าจะเกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วยเช่นกัน
แม้ว่าหลายธุรกิจยังคงพยายามดิ้นรนในการดำเนินกิจการและต่อรองหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลาย แต่จำนวนการยื่นเรื่องและยอดตัวเลขการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ผลกระทบทางการเงินที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่ได้หยุดอยู่ที่แวดวงธุรกิจ แต่ส่งผลต่อการล้มละลายในระดับครัวเรือนหรือภาคประชาชนด้วย
โดย Pajaree R.